5 เกมระดับ AAA ราคาแพง แต่ออกมาน่าผิดหวัง และย่ำแย่เหลือทน

เข้าสู่ปี 2024 วิดีโอเกมก็กำลังทยอยปรับราคาขึ้นเป็น 70$ หรือประมาณ 2,200 บาทโดยประมาณ โดยที่หลายปีที่ผ่านมา ตัวเกมมักจะถูกตรึงราคาขายไว้ที่ 60$ หรือประมาณ 1,700 บาทเท่านั้น แต่ในปี 2024 นี้ เราจะได้สัมผัสกับเกมราคา 70$ กันบ้างแล้ว แต่ก่อนจะไปถึงปีนั้น เรามาดูกันว่า ในอดีตนั้น มีเกม AAA ราคาแพงเกมใดบ้าง ที่ทำออกมาได้ น่าผิดหวังและ ย่ำแย่เกินจะทน


เปิดมาด้วยตำนานสุดที่ทุกวันนี้ก็น่าจะไม่มีใครลืมลง Anthem เป็นผลงานของ BioWare ภายใต้การบริหารจัดการของ EA ที่เปิดตัวอย่างไฮป์ตั้งแต่ช่วงปี 2016 และโหมโปรโมทอย่างหนักจนมาถึงวันวางจำหน่ายปี 2019 ทุกคนก็ต้องพบกับความผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันคือผลงานของผู้สร้าง Dragon Age และ Mass Effect ที่เป็oสุดยอดเกม RPG แห่งยุคสมัยทั้งสองเกม แต่ปรากฎว่า Anthem นั้น เป็นความน่าผิดหวังครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เบาบาง ไม่เข้มข้นเหมือนที่โหมโปรโมทมา ระบบเกมการเล่นที่ขาดตกบกพร่อง แถมยังมีปัญหาด้านการ Optimize ที่แม้แต่เครื่องคอนโซลที่ว่ารันเกมได้ลื่น ๆ ยังเล่นไม่ได้ ตัวเกมได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบหนักมาก และถึงแม้ตอนแรก ผู้พัฒนาจะมีแพลนอัปเกรดตัวเกมใหม่ยกแผงให้เป็น Anthem 2.0 แต่สุดท้าย แผนนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ปิดประตู Anthem เกมอันยิ่งใหญ่ที่มีคนคาดหวังลงไปเรียบร้อย


ภาคแรกและภาคสองทำได้ดีจนแฟน ๆ คาดหวัง ใครจะรู้ว่าภาค 3 จะกลายเป็นความล้มเหลวครั้งสำคัญของ 2K และทีมพัฒนาเกมนี้ แต่เดิมแล้วซีรีส์ Mafia นั้น โดดเด่นในแง่ของบทที่มีคุณภาพ เข้มข้นราวกับรับชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง รวมไปถึงมีดีไซน์โลก Open World ที่ดีมาก ๆ และไม่ต้องพึ่ง Side Quest ในการดึงความสนใจของตัวเกมเลย แต่พอมาถึงภาค 3 ด้วยความที่ช่วงนั้น เกม Open World กำลังเป็นที่นิยมในวงการเกม ใคร ๆ ก็พยายามหยิบจับมาดัดแปลงกันอย่างเต็มที่ Mafia 3 เลยขอทิ้งเอกลักษณ์ของตัวเองมาลองดูบ้าง โดยพยายามทำให้มันกลายเป็นเกม Open World ขนาดใหญ่ แต่ดีไซน์ภารกิจกลับซ้ำซาก ระบบหลายอย่างทำให้น่ารำคาญมากกว่าแฮปปี้ในการเล่น และพอกลายเป็นโลกเปิด เนื้อเรื่องที่เคยเข้มข้นก็ถูกยืดออกไป เพื่อมอบอิสระให้ผู้เล่นได้สำรวจ กลับกลายเป็นเกมที่มีคำวิจารณ์ต่ำที่สุด แถมเกมยังเปิดตัวไม่สวย เพราะเต็มไปด้วยบั๊กและปัญหาทาง Performance อีกมากมายด้วย


เกมซูเปอร์ฮีโร่ที่ปลุกปั้นกันมาตั้งแต่ปี 2017 และปล่อยให้แฟน ๆ คาดหวังรอคอยกันมาอย่างยาวนาน แต่ปรากฎว่าพอออกวางจำหน่ายจริงในปี 2020 ตัวเกมกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เริ่มจากเรื่องของใบหน้าตัวละครต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีความละม้ายคล้ายคลึงกับที่แฟน ๆ รู้จักกันมาเลย โดยเฉพาะช่วงที่เกมวางจำหน่ายนั้น กระแส MCU ก็ยังไม่ได้แผ่วลงไปมากสักเท่าไร ทำให้หลายคนไม่พอใจตั้งแต่เปิดตัว แถมยังทำระบบมาเป็นเกม Live Services เน้นออนไลน์และการอัปเดต ยิ่งทำให้คนไม่ชอบเข้าไปอีก และยังมีเรื่องของเนื้อเรื่องหลัก ที่ให้เราเล่นเป็นตัวละคร Kamala Khan หรือ Ms.Marvel ที่กระแสตอนนั้นไม่ได้ดีมาก ภาพรวมของเกมจึงเละเทะทันทีตั้งแต่เปิดให้ทดสอบเบต้า จนมาถึงเกมตัวเต็มที่ไม่ได้แก้ไขอะไรให้ดีขึ้น กลับกลายเป็นความน่าผิดหวังครั้งใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเกมก็ยื้อวางจำหน่ายและให้บริการมานานกว่า 3 ปีเต็ม ก่อนจะยุติการอัปเดต และถอดเกมออกจากร้านค้า ในช่วงปี 2023 เหลือไว้เพียงความทรงจำ


เรียกได้ว่าสด ๆ ร้อน ๆ เพิ่งผ่านกันไปไม่นานมานี้เลย สำหรับแฟรนไชส์เกม Call of Duty ภาคใหม่ อย่าง Modern Warfare III ที่เป็นการปิดไตรภาคการรีบูทสุดยอดไตรภาคชื่อดังต้นฉบับ สำหรับสาเหตุที่แฟน ๆ รุมสาปส่งภาคนี้ อย่างแรกเลยคือส่วนของเนื้อเรื่องที่สั้นมาก ๆ ตามปกติแล้ว Call of Duty ไม่ใช่เกมที่ยาวมากนัก แต่อย่างต่ำก็ต้องภาคละ 5-6 ชั่วโมงขึ้นไป แต่สำหรับภาคนี้ ถ้าเล่นจริง ๆ จัง ๆ 3 ชั่วโมงก็จบแล้ว แถมสเกลความยิ่งใหญ่ของมันก็แทบจะไม่ต่างจากภาคก่อน ๆ เลยด้วย ที่สำคัญคือมันเป็นโหมดที่พยายามจะนำเสนอความเป็น Warzone เข้าไปแทน จนประสบการณ์โหมดเนื้อเรื่องของ Call of Duty หายไปเกือบหมด และต่อมาคือโหมดมัลติเพลเยอร์ หรือโหมดออนไลน์ที่แทบไม่ได้ต่างไปจากภาค 2 มาก เป็นแค่การนำหลาย ๆ อย่างไปปรับปรุงแก้ไขตามฟีดแบคแฟน ๆ เท่านั้น แม้จะได้ใจแฟน ๆ หลายอย่าง แต่ภาพรวมของเกมนี้ ก็ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่แพงสูงถึง 70$ นั่นเอง


ย้อนไปเพียงปีเดียวเท่านั้น กับผลงานของ Arkane Austin ที่เปิดตัวด้วยความคาดหวังจำนวนมากจากแฟน ๆ เพราะนี่จะเป็นเกม FPS Co-op ที่ศัตรูของเราคือเหล่าแวมไพร์สุดโหด แถมยังเป็นเกมโลกเปิดกว้างขนาดใหญ่ และอยู่ภายใต้การดูแลของ Bethesda ค่ายเกมยักษ์ใหญ่ และใช้เวลาโปรโมทกันมาอย่างยาวนานเลยทีเดียว และเมื่อเกมวางจำหน่ายในช่วงพฤษภาคม 2023 นั่นเอง ผู้คนก็ได้สัมผัสถึงความผิดหวังครั้งใหญ่ เพราะตัวเกมมาแบบจืดชืด ไร้ชีวิตชีวา แถมยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพเกมสุดย่ำแย่ ทั้งการรันตัวเกมที่ไม่ได้ลื่นไหลเลย บนเครื่อง PC สเปคสูง และเกมเป็นเกม Exclusive บนเครื่อง Xbox Series แต่กลับล็อคไว้ที่ 30 FPS และบั๊กจำนวนมหาศาลอีกมากมาย รวมไปถึงดีไซน์เกมเพลย์ที่ย่ำแย่มาก ๆ กลายเป็นอีกหนึ่งความน่าผิดหวังของเกมในปี 2023 นี้เลยก็ว่าได้


ใดๆก็ตาม นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น

หากคิดไม่ตรงกัน หรืออยากแชร์อะไร ก็คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลยจ้า

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ

Facebook
Twitter
VK

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Follow us

Scroll to Top