ไม่มีใครไม่รู้จักตำนานหนังไตรภาคอย่าง The Lord of the Rings ของ Peter Jackson ที่ออกฉายเรียงภาคกันตั้งแต่ปี 2001-2003 แต่ในปี 2024 นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้สิทธิ์ในการนำเอาตัวหนังแบบ Extended Edition เข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศไทย พวกเรา Thai Gamers ได้รับเชิญให้เข้าไปชมมาทั้งสามภาคติด เลยอยากจะขอมารีวิวให้ดูกันสักหน่อย เผื่อใครอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง สำหรับไตรภาคหนังเทพเรื่องนี้
Extended Edition คืออะไร ?
The Lord of the Rings ฉบับ Extended Edition คือเวอร์ชันที่มีการตัดต่อใหม่โดยตัวผู้กำกับอย่าง Peter Jcakson โดยไม่มีการตัดหรือลดทอนฉากใดออกเลย เนื่องจากเวอร์ชันนี้มีความยาวที่สูงมาก การนำไปฉายในโรงภาพยนตร์จึงส่งผลกระทบกับตัวหนังเรื่องอื่นในเรื่องของรอบฉายหรือ Runtime แน่นอน ตอนที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์จึงถูกตัดต่อลดเนื้อหาออกไป และใช้ชื่อว่า Theatical Version แทน ส่วน Extended Edition จะเป็นเวอร์ชันต้นฉบับที่ Peter Jackson ตั้งใจจะถ่ายทอดถึงผู้ชมโดยตรง
ในบ้านเรานั้น ตัว Extended Edition นั้น เคยถูกนำมาผลิตเป็นแผ่น DVD Boxset ขายในประเทศไทยมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน จนตอนนี้ขาดตลาดและราคาพุ่งสูง เพราะในต่างประเทศมีการนำมาจัดทำใหม่ตลอด แต่ของไทย หมดแล้วหมดเลย ตัวหนังที่หาชมได้ตามสตรีมมิ่งต่าง ๆ ก็เป็นเวอร์ชันปกติเท่านั้น ล่าสุดทาง HBO MAX ที่เพิ่งเปิดให้บริการในไทยถึงจะมี Extended Edition ให้เราได้ชมกัน ใครที่ไม่สะดวกไปชมในโรงภาพยนตร์ก็สามารถสมัคร HBO MAX ดูได้เลย
หนังอายุ 20 ปี ที่ยังคงสดใหม่เสมอเมื่อได้รับการรีมาสเตอร์และฉายในโรงภาพยนตร์
ประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์ของ The Lord of the Rings ไตรภาคในฉบับ Extended นี้ ต้องบอกเลยว่า หลายช่วง หลายขณะ เราลืมไปเลยว่านี่คือหนังที่มีอายุครบ (หรือเกิน) 20 ปีเข้าไปแล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยี ด้วยความอตะของตัวภาพยนตร์ เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเก่าลงเลย ทั้งตัวภาพที่คมชัดในระดับ 4K การดำเนินเรื่องราว ตัวละคร บทบาทหน้าที่ ทุกอย่างล้วนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกภาพยนตร์
สำหรับผู้ที่ไม่รู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อแต่อาจจะอยากรู้เนื้อหาเพิ่ม The Lord of the Rings ว่าด้วยเรื่องราวของแหวนวงหนึ่งที่มีอำนาจสูงสุดในจำนวนแหวนทุกวงที่เซารอนเป็นคนสร้างขึ้นมา และมอบมันให้กับหัวหน้าเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในยุคสมัยนั้น แบ่งเป็นเอล์ฟ คนแคระ มนุษย์ แต่จริง ๆ แล้วแหวนวงนั้นคือแหวนเอกที่ใส่พลังอำนาจของตัวเซารอนเอาไว้ เพื่อที่วันหนึ่งเซารอนจะได้เข้าครอบงำทุกคนที่ครองแหวน และยึดอำนาจเป็นหนึ่งเดียวแห่งมิดเดิลเอิร์ธ แต่เซารอนพลาดท่าโดนตัดนิ้วที่สวมแหวน ทำให้ร่างแหลกสลาย แต่เพราะยัดพลังทั้งหมดไว้ในแหวนแล้ว จึงยังไม่ตายโดยสมบูรณ์ ตอนนั้นผู้เก็บแหวนครั้งแรกได้ก็ทนต่ออำนาจของมันไม่ไหว โดนครอบงำจิตใจ จนแหวนพลัดหายไปนานกว่า 2,500 ปี ก่อนจะถูกพบโดยกอลลัมหรือสมีกอลที่ทุกคนรู้จักกันดี และตกทอดมาจนถึงบิลโบ แบกกินส์ เผ่าฮอบบอททีเก็บเอาไว้โดยไม่รู้ถึงพลังอำนาจของมัน ซึ่งในภายหลังก็ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ The Hobbit ไตรภาค โดยผู้กำกับ Peter Jackson เช่นเคย
จนกาลเวลาผันผ่า บิลโบแก่ชราลง และตั้งใจจะออกเดินทางครั้งสุดท้าย เขาจึงได้ทิ้งแหวนไว้ให้โฟรโดผู้เป็นหลานชาย และเจ้ากอลลัมถูกทาสของเซารอนจับตัวไป จนรู้ว่าแหวนต้องอยู่ที่นี่ หายนะกำลังมาเยือนตัวโฟรโด การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนี้
สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู นี่คือสุดยอดภาพยนตร์ที่คุณควรหาโอกาสไปลองชมกันสักครั้งในโรงภาพยนตร์ เพราะมันคือตำนานหนังแฟนตาซีผจญภัยที่ไม่น่าจะมีใครมาเทียบเคียงหรือโค่นมันลงได้ไปอีกนานแสนนาน ด้วยจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่อง แม้หนังจะมีความยาวเฉลี่ยต่อภาค 3 ชั่วโมงครึ่งขึ้นไป (โดยเฉพาะภาคสุดท้ายจัดเต็มถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง) แต่หนังกลับไม่มีความน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย เพราะหนังรู้ตัวเองดีว่าต้องเล่าเรื่องราวตรงไหนก่อน ต้องพาตัวละครไปในทิศทางไหน ทำให้ความยาวของหนังไม่สามารถทำให้มันน่าเบื่อลงได้เลยแม้แต่น้อย แทรกมาด้วยมุกตลกเบา ๆ ฉากแอ็คชันชวนลุ้นระทึก และความแฟนตาซีที่ทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ ด้วยความคมชัดของภาพในยุคปัจจุบัน เราแทบจะลืมไปจริง ๆ ว่านี่คือหนังเก่าแล้ว นักแสดงทุกคนป่านนี้ก็อายุเกินวัย เกินภาพในหนังไปหมดแล้ว บวกด้วยระบบเสียงที่แม้จะไม่ได้เข้าฉายในระบบพิเศษ แต่ก็เพียงพอที่จะมอบประสบการณ์อันเต็มอิ่มให้กับผู้ชมแล้ว
ในตอนนี้ หากคุณอยากรับชมภาพยนตร์ด้วยความสมบูรณ์พร้อมที่สุด มีทางเลือกที่เราแนะนำจริง ๆ ก็คือในโรงภาพยนตร์นี่แหละ ตอนนี้ทั้งสามภาคก็น่าจะเข้าฉายอยู่ด้วย ส่วนภาค 3 The Return of the King ก็เข้าฉายแล้ววันนี้ อย่าพลาดเด็ดขาด!