5 เกมภาคต่อที่เจ๊งยับจนแฟรนไชส์ต้องโดนพักการพัฒนาต่อ

เกมไหนก็ตามที่ประสบความสำเร็จนั้น แน่นอนว่าทีมงานเขาก็อยากเข็นภาคต่อออกมาหารายได้หรือสร้างฐานแฟนเพิ่ม บางเกมก็ทำได้ดีจนเป็นตำนาน แต่บางภาคก็เรียกได้ว่า หายนะจนถึงขั้นที่บางสตูดิโอต้องสั่งระงับทำเกมแฟรนไชส์ชุดนั้นต่อไปเลย และนี่คือรายชื่อเกมที่เจ๊งยับ จนแฟรนไชส์ต้องโดนแช่แข็งและไม่รู้จะได้กลับมาเฉิดฉายอีกทีในตอนไหน

1. Saints Row (2022)

เปิดมาก็เป็นแฟรนไชส์เกมที่น่าเสียดายอย่างมาก Saints Row ผลงานของสตูดิโอ Volition ที่ค่อย ๆ เติบโตจากฉายาเกม GTA Clone มาเป็นแนวทางของตัวเอง และโด่งดังเป็นพลุแตกในภาค 3 และทวีคูณความบ้าเพิ่มขึ้นในภาค 4 แต่หลังจากฉายไปนาน Saints Row กลับมาอีกครั้งในปี 2022 แต่แทนที่มันจะรักษารากเหง้าเดิมไว้ มันกลับ Reboot ให้ตัวเกมไปคนละทิศละทางกับที่แฟน ๆ ชอบ แถมเกมเพลย์ยังน่าเบื่อเสียยิ่งกว่าภาคก่อน ๆ ทำให้ Saints Row ในภาค Reboot ปี 2022 นั้น ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่รายได้และแง่ของคำวิจารณ์ จนกระทั่งสตูดิโอ Volition ต้องปิดตัวลง และไม่รู้เลยว่าเราจะได้เห็นแฟรนไชส์ Saints Row กลับมาทำใหม่หรือไม่

2. Duke Nukem Forever (2011)

ชื่อของ Duke Nukem คือแฟรนไชส์เกมที่อยู่มานานตั้งแต่ยุค 90 และประสบความสำเร็จเรื่อยมา แต่ไม่รู้เพราะอะไร ถึงเกิดเรื่องแย่ ๆ กับ Duke Nukem Forever เพราะมันใช้เวลาพัฒนามานานกว่า 15 ปี! นับตั้งแต่ช่วงปี 1996 จนถูกบันทึกลง Guinness Book World Records ว่าเป็นเกมที่ใช้เวลาในการพัฒนานานที่สุด และเพราะแบบนี้ ทำให้อะไร ๆ ที่อยู่ในเกมมันล้าหลังไปหมดแล้ว นึกสภาพเกมที่ออกมาปี 2011 แต่รูปแบบเกมเพลย์ การนำเสนอเหมือนติดอยู่ในยุค 90 ดู แถมมันยังพยายามจะลอกเลียนแบบเกมเก่า ๆ ของตัวเอง แต่กลับทำได้ไม่ถึง เกมเพลย์ที่ตกยุค เนื้อเรื่องที่ไม่ได้น่าสนใจใด ๆ เลยในปี 2011 ส่งผลให้ Duke Nukem Forever ปี 2011 กลายเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ และจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มี Duke Nukem ภาคใหม่ออกมาให้เล่นอีกเลย

3. Mirror’s Edge: Catalyst

ซีรีส์สาวหมวยปีนตึกที่ภาคแรกแจ้งเกิดแบบเต็มตัว รวมไปถึงแฟน ๆ เองก็ไม่ได้เกลียดภาคนี้อะไรขนาดนั้น แต่สาเหตุที่ Mirror’s Edge: Catalyst ออกมาในปี 2016 แล้วไม่มีภาคใหม่ออกมาให้เห็นอีกเลย ก็เพราะทีมงาน EA เลือกที่จะดึงทีมงานเกือบทุกภาคส่วนไปฟื้นฟูซีรีส์ Battlefield (ซึ่งแน่นอนว่ามันยังคงล้มเหลวมาจนถึงภาค 2042) รวมไปถึงแม้ว่าแฟน ๆ จะไม่ได้เกลียดเกมนี้ก็จริง แต่ฟีดแบคของเกมมันก็ออกมาย่ำแย่กว่าภาคแรกพอสมควร ทั้งสถานที่ที่ทีมงานทำมาแบบไม่ใส่ใจเหมือนก๊อปวาง ระบบการเล่นที่ไม่ได้ดีเท่ากับภาคแรก และ EA มองว่ามันยังไม่คุ้มที่จะลงทุนกับแฟรนไชส์ใหม่ ๆ ทำให้จนถึงตอนนี้ เกือบ 10 ปี ผ่านไป เราก็ยังไม่ได้เห็นซีรีส์ Mirror’s Edge กลับมา

4. Crackdown 3

ซีรีส์ Crackdown ก็เป็นอีกเกมที่ภาค 3 ออกมาย่ำแย่หนักมากจนแฟน ๆ ถึงกับต้องเบือนหน้าหนีและเททิ้งไปเลย ตัวเกมออกมาในปี 2019 แถมแฟน ๆ Crackdown เองก็ตื่นเต้นหนักมาก เพราะภาค 2 ทำไว้ดีสุด ๆ จนหลายคนคาดหวังกับภาคต่อ และภาค 3 เองก็ได้รับการโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่มาก แถมได้นักแสดงดังอย่าง Terry Crews มารับบทตัวเอกหลักของเกมด้วย แต่เมื่อถึงวันที่เกมขาย แฟน ๆ ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เกมในภาคนี้ขาดความหลากหลาย และแม้แต่แฟนพันธุ์แท้ของเกมชุดนี้ยังบอกว่าพวกเขาหาความสนุกจากเกมนี้ไม่เจอ ด้วยรูปแบบภารกิจและการออกแบบเกมที่ไม่ดีพอ ทำให้มันเจอแต่อะไรซ้ำไปซ้ำมา โลกในเกมก็ไม่ได้ออกแบบมาให้น่าสำรวจหรือค้นหา แอ็คชันก็ธรรมดาพื้นฐาน และสุดท้ายมันก็กลายเป็นเกมล้มเหลวแห่งปี และไม่น่าจะมีภาคใหม่ตามออกมาให้เห็น อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

5. The Order: 1886

เดิมทีตัวเกมมีแผนจะทำภาคต่อไว้แล้ว แถมยังเป็นเกมเปิดยุค PS4 ด้วย มันคือเกมที่เป็น Tech Demo ของเครื่อง แถมทำออกมาได้ดี จนใคร ๆ ต่างก็คาดหวัง และแม้ภาพรวมมันจะไม่ใช่เกมที่แย่ แต่มันก็ไม่ได้ดีมากจนคุ้มทุนสร้างที่ทีมงานทำออกมา เนื้อเรื่องที่วางปมน่าสนใจไว้เยอะมาก แต่มันกลับยาวแค่ 6 ชั่วโมง ไม่เพียงพอต่อการวางเนื้อหา หรือเล่าให้กระชับได้เลย แถมเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ดีอะไรมาก ออกไปทางธรรมดาเลยด้วยซ้ำ ทำให้กระแสมันไม่ดีพอจะให้ทางค่ายใหญ่สานต่อ จนสุดท้าย สตูดิโอ Ready at Dawn ที่เป็นผู้สร้างเกมนี้ต้องปิดตัวลงในปี 2024 และเราไม่น่าจะได้เห็นเกมนี้กันอีกแล้ว

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ

Facebook
Twitter
VK

บทความที่เกี่ยวข้อง

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Follow us

Scroll to Top