เดินทางมาจนถึงภาคที่ 8 กันแล้ว กับซีรีส์ Yakuza ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อขายทั่วโลกมาเป็น Like a Dragon แต่เกมในภาคนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง และอิจิบังของเราจะวายป่วงและวุ่นวายแค่ไหน มาดูรีวิวของพวกเรา Thai Gamers กันได้เลยจ้า
สำหรับเรื่องราวของเกมภาคนี้จะเซ็ตติ้งอยู่ในปี 2023 นี่แหละ ตามยุคสมัยของพวกเราเลย โดยเป็นช่วงเวลา 4 ปี หลังจากภาคที่แล้ว คราวนี้อิจิบังต้องเดินทางไปถึงเมืองโฮโนลูลู บนเกาะฮาวายตามคำแนะนำของเพื่อนเก่า และอีกจุดประสงค์คือการตามหาแม่ของตัวเองที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่โชคชะตาเล่นตลกเพราะคิริวเองก็ดันอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อตามหาตัวแม่ของอิจิบังอยู่เหมือนกัน อิจิบังจึงรู้ว่าตอนนี้คิริวป่วยเป็นมะเร็ง และเหลือเวลาชีวิตอยู่อีกไม่มากนัก ภารกิจตามหาตัวแม่ของอิจิบังจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมา เพราะหากเธอยังไม่ตายจริง ๆ แปลว่าเธออาจโดนองค์กรอาชญากรรมตามล่าตัวอยู่ด้วย
ใครที่เคยเล่นซีรีส์ Yakuza มาก่อน ก็น่าจะรู้กันดีว่า ซีรีส์ Yakuza นั้น โดดเด่นในเรื่องของ Story และเนื้อหาเป็นอย่างมาก และในภาคนี้เองก็เช่นกัน โดยที่เห็นได้ชัดเลยคือส่วนของ Cutscene ที่ยังคงความยาวแบบยาวมาก ๆ ในระดับภาพยนตร์ ในภาคนี้ก็ถึงขั้นที่ถ้าเล่นด้วยจอยขึ้นมาล่ะก็ Cutscene บางฉาก อาจยาวจนทำให้จอยตัดการทำงานไปเลย เพราะทิ้งไว้นานเกินไปนั่นเอง.. เอาแค่ช่วงแรก กว่าจะปูเข้าเรื่องเข้าราวเหตุการณ์หลักได้ ก็อาจจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง เพราะมีฉาก Cutscene ที่เยอะมาก ๆ ดังนั้นใครจะเล่นเกมนี้ คุณอาจจะต้องอิน และมีความรู้สึกร่วมกับตัวละครในภาคก่อนหน้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะไม่เข้าใจเรื่องราว หรือความสัมพันธ์ของบางตัวละครได้
เรื่องของงานภาพและกราฟิก ก็สมกับเป็นเกมที่ออกมาในปี 2024 นี้ กราฟิกของภาคนี้ หลายส่วนถูกปรับปรุงและขัดเกลาให้สวยงามมากกว่าภาคก่อนหน้า โดยเฉพาะโมเดล และใบหน้าของตัวละครต่าง ๆ ในภาคนี้ ถือว่าสวยงามขึ้นมาก ๆ และรู้สึกว่าตัวละครในโลกของเกมนี้มีชีวิตชีวาจริง ๆ ไม่ว่าจะตัวละครชายหรือหญิงก็ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ของตัวเองด้วยกันแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคนี้ หลาย ๆ ตัวละครที่เป็นผู้ช่วยและเพื่อน ๆ ของอิจิบังก็กลับมามีบทบาทกันด้วย และในด้านของขนาดแผนที่ในเกม จะบอกว่าเกมนี้เป็นเกมกึ่งโลกเปิดหรือ Open World ก็ได้ ในแต่ละพื้นที่ แต่ละโซน เราจะได้เดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีชีวิตชีวา ทั้งเหล่า NPC และตัวละครอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนตัวที่ชอบคือ ถ้าเรากดให้อิจิบังทักทายเหล่า NPC NPC เหล่านั้นก็จะทักทายเรากลับด้วยเช่นกัน
ในด้านเกมเพลย์นั้น แม้ว่าหลัก ๆ เราจะได้เล่นเป็นอิจิบัง แต่หากช่วงไหนที่เรามีสมาชิกร่วมทีมเพิ่มขึ้นมา เราก็สามารถสลับไปควบคุมตัวละครตัวนั้น ๆ ได้ด้วย แต่เฉพาะในการต่อสู้เท่านั้น ในเกมหลัก จอหลัก เราก็ยังคงได้เล่นเป็นอิจิบังเป็นหลักอยู่ดี และคราวนี้นอกจากเขตต่าง ๆ ในญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดีในโลก Yakuza เราจะได้ไปผจญภัยไกลถึงเมืองโฮโนลูลู เกาะฮาวายกันเลยทีเดียว
และภาคนี้จะยังคงใช้ระบบแบบภาคที่แล้ว โดยจะเป็นระบบแบบ Turn Based แต่ก็จะแอบมีบางช่วงที่เรารู้สึกว่ามันอิสระและเป็นฟรีแอ็คชั่น ให้นึกถึงตอนเล่น Final Fantasy VII Remake เอาไว้ แต่สปีดการต่อสู้จะลดหย่อนลงมาหน่อย ไม่ได้ใส่กันเต็มข้อ ล่อกันเต็มสปีดแบบเกมนั้น มันจะมีจังหวะให้เราได้เลือก Command และคำสั่งแอ็คชั่นอยู่ ระหว่างการโจมตี การตั้งการ์ดป้องกัน การกดใช้สกิล และการกดใช้ไอเทม ทำให้มีเวลาในการคิดคำนวณอยู่พอสมควร
และในกรณีที่เรามีสมาชิกร่วมทีมอยู่ด้วย เราสามารถกดปุ่มสลับไปควบคุมตัวละครร่วมทีมได้ อย่างช่วงแรกที่ซาเอโกะมาร่วมทีม เราก็บังคับซาเอโอะเอากระเป๋าไปฟาดศัตรูให้มันตายไปเลย อย่างเท่ โดยระบบ Turn Based ของเกมนี้ไม่ได้เข้าถึงยากจนเกินไป แถมยังทำออกมาเอาใจคนที่ไม่ค่อยชอบ Turn Based ได้ดีด้วย ทุกอย่างอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเข้าถึงได้ง่าย และหากใครยังรู้สึกว่ามันยากเกินไป เกมยังมีระบบปรับความยากให้เลือกด้วย
ความหลากหลายของศัตรูเองก็เป็นอีกหนึ่งความปั่นและความฮาของเกมนี้ แม้ในช่วงแรกเราจะยังอยู่ที่ญี่ปุ่น ศัตรูอาจจะเป็นพวกนักเลง หรือนักธุรกิจหัวรุนแรง แต่พอเราย้ายไปที่โฮโนลูลูแล้ว เราจะพบกับความหลากหลายของศัตรูสุดเพี้ยน ตั้งแต่นักโต้คลื่นกลางทะเลไปจนถึงนักดนตรีริมถนน และแม้จะเป็นเกม Turn Based แต่การเคลื่อนไหวของเหล่าตัวละครในเกมก็มีอิสระมาก Turn Based ของเกมนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการยืนผลัดกันตีธรรมดา ๆ เราสามารถเคลื่อนที่ไปมาในพื้นที่จำกัดได้ และออกคำสั่งต่าง ๆ ทำให้นี่อาจจะเป็นมาตรฐานใหม่ของเกมแนวนี้เลยก็ว่าได้
ภารกิจหลักนั้น รับและดำเนินไปตามเรื่องราวและสถานการณ์ในเกม แต่ภารกิจเสริม มันจะไม่ได้บอกคุณในแผนที่ แต่มันจะแทรกกลางเข้ามาระหว่างภารกิจหลัก เมื่อผ่านภารกิจหลักแล้ว จะมีภารกิจย่อย ซอยออกมาให้เราได้เล่นกันเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่โดนยัดเยียดภารกิจรองมาให้ทำโดยไม่จำเป็น และมันยังให้รางวัลตอบแทนที่คุ้มค่าเสียด้วย
นอกจากนั้นตัวละครแต่ละตัวยังมาพร้อมค่าสเตตัสอีกหลากหลายประเภท ชนิดที่ว่านี่เป็นเกม RPG แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตัวละครแต่ละตัวจะมีค่าสเตตัสมากมายหลายอย่างตั้งแต่พลังชีวิต พลังป้องกัน พลังเวทย์ และอื่น ๆ อีกเพียบ ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิดหรอก เกมนี้มียันค่าพลังเวทย์ให้เราได้ใช้งานกันด้วย ซึ่งอาจจะไปอิงกับค่าสกิลในภายหลัง นอกจากนั้นตัวละครหลัก ๆ ยังมีค่าสถานที่ต่างกัน เช่นความใจดี ความเข้มแข็ง แพสชั่น ที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยค่าเหล่านี้ บางครั้งก็ได้มาจากการเลือกคำถาม คำตอบต่าง ๆ ที่สถานการณ์บังคับให้เราเลือกว่าจะเลือกเส้นทางแบบไหนด้วย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือเรื่องของอาชีพเสริมหรือ Side Job ที่เกมนี้มีอะไรให้เราทำกันแบบหลากหลายมาก ๆ ไล่ตั้งแต่ช่วงแรกที่เราเป็นเพียงพนักงานกรองบุคคล ไปจนถึง Freelancer และยิ่งเล่นไปเราก็จะยิ่งเจอกับอาชีพเสริมอีกมากมายให้ได้เลือกทำกัน ไม่ว่าจะเป็น Gangster, มือสังหาร, ดาราหนังแอ็คชั่น, ซามูไร ไปจนถึงโฮสต์ตามบาร์โฮสต์ งานนี้พี่อิจิบัง ไม่เลือกงาน ไม่ยากจนของแท้ และที่เจ๋งสุดเลยคือ เราจะได้เล่น Side Job ขนส่งอาหารแบบเดียวกับ Grab ในบ้านเราซะด้วย โดยจะมีสไตล์การเล่นคล้าย ๆ กันกับเกมอย่าง Crazy Taxi ด้วยนั่นเอง
ระบบออกเดทก็กลับมาในภาคนี้ด้วย เราจะได้พบเจอกับสาว ๆ มากมายในเกมภาคนี้ ผ่านแอปหาคู่และการแชทกับสาว ๆ ตามเนื้อเรื่อง เขาอาจจะไม่ได้ทุ่มเทหรือจริงจังกับใครเท่ากับซาเอโกะ แต่เราสามารถเพิ่มความสัมพันธ์กับสาว ๆ คนต่าง ๆ ได้ด้วย และถึงแม้ระบบต่าง ๆ ที่เราว่ามา มันจะเยอะมาก ๆ แต่ทุกสิ่งอย่าง ล้วนเชื่อมโยงไปหาการเติบโตของอิจิบัง ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพ ความสัมพันธ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ถ้าจะให้พูดถึงข้อเสียของเกมนี้ คือมันอาจไม่ใช่เกมที่เหมาะสมสำหรับทุกคนจริง ๆ เพราะ Cutscene ของเกมนี้ ยาวแบบยาวมาก ๆ ต่อให้ Skip แล้วก็อาจจะเบื่อเอาได้ แต่นอกเหนือจากนั้น นี่คือสุดยอดเกม JRPG ที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะกับแฟน ๆ ซีรีส์ Yakuza เลยก็ว่าได้ เพราะงั้นหากคุณเป็นแฟนตัวยงซีรีส์ Yakuza อยู่แล้ว ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
แวะสรุปคะแนน
Thai Gamers เล่นแล้วชอบ
4.5 / 5 ไปเลยจ้าาาา!!
