5 เกมที่ “เงิน” ใช้แก้ปัญหาได้

“เงิน” คำนี้แก้ปัญหาได้เกือบ 90% ของทุกอย่างบนโลก และไม่ใช่แค่ใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงเท่านั้น แต่โลกในเกมบางเกม การมีเงินมาก ๆ ก็ช่วยแก้ปัญหาได้แบบหมดจดเช่นกัน และนี่คือรายชื่อที่ถ้าเกิดว่าคุณมีเงิน ชีวิตในเกมคุณจะสบายขึ้นมา!

1. The Sims – ใครบ้างไม่เคย Motherlode

Motherlode! สูตรนี้ใครบ้างไม่เคยพิมพ์ ใน The Sims เกมแนวจำลองการใช้ชีวิตยอดนิยมติดลมบนของ EA ที่ปัจจุบันตัวเกมอยู่ที่ภาค 4 แถมมี DLC / Expansion ตามมา แต่ทุกภาคจะมีจุดเด่นเหมือนกันคือ มันเป็นเกมที่เราจะต้องเริ่มต้นจาก 0 และใช้ชีวิตไปตามที่ใจตัวเองต้องการ เพื่อหาเงินและทำให้ครอบครัวซิมส์เติบใหญ่ขึ้น แต่เราก็รู้ ๆ กันดี ว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีเวลามานั่งเล่นเกม จึงมีสูตรโกงตามมาในการปั๊มเงิน สูตรยอดนิยมอย่าง Motherlode นั่นเอง และเป็นเกมที่พูดได้อย่างเต็มปากว่า มีเงินแล้วชีวิตดี เพราะคุณจะทำให้ชีวิตชาวซิมส์ดีขึ้น มีบ้านหรู ๆ มีรถขับ มีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่แบบแจ่ม ๆ ยังไงล่ะ!

2. Animal Crossing: New Horizons – ทุนนิยมนี่มัน…

แฟรนไชส์ Animal Crossing เองก็มีความคล้ายคลึงกับ The Sims อยู่บ้าง แต่มันก็ยังเข้าเรื่องระบบทุนนิยมแบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะการมีอยู๋ของตัวละครอย่าง Tom Nook ที่ชักจูงให้เราก่อหนี้สินก้อนโตและพบว่าเราต้องตกอยู่ใต้อำนาจของคนรวยตลอดเวลา เกมนำเสนอให้เราวิ่งไปตามระบบทุนนิยมในขณะที่ Tom Nook จะคอยป้ายยาให้ผู้เล่นใช้จ่ายเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผู้เล่นสรรหาสูตรโกงมาโกงเงิน เพื่อออกจากวัฎจักรสุดเหนื่อยหน่ายกับการทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเพื่อหาเงิน แม้ตอนนี้ Nintendo จะแก้ไขบั๊กโกงเงินไปแล้ว แต่ผู้เล่นก็ยังพยายามหาช่องทางใหม่ ๆ ต่อไป เป็นเกมที่บอกเราได้อย่างชัดเจนว่า เงินในเกมนี้มีแล้วชีวิตสบาย!

3. S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl – อยากจบดีหรือจบแย่ ก็อยู่ที่จำนวนเงิน

ก่อนจะไปลุยภาค 2 (อย่างเป็นทางการ) S.T.A.L.K.E.R. ภาคแรกอย่าง Shadow of Chernobyl เป็นหนึ่งในภาคที่ผู้เล่นจะต้องทำแทบทุกอย่างเพื่อจะทำมาหากิน หาเงินมาใช้ เพราะแม้ว่าจะเป็นโลกหลังการล่มสลาย แต่เงินก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ และยิ่งกว่านั้น การมีจำนวนเงินมาก-น้อยในเกมนี้ จะส่งผลกับฉากจบในเกมเสียด้วย โดยหากผู้เล่นจบเกมด้วยเงินมากกว่า 500,000 จะเป็นฉากจบแบบ Greedy Ending ที่ตัวเอกของเราร่ำรวยมหาศาล และด้วยความที่ผู้เล่นหลายคนเลือกที่จะเก็บเงินไว้ซื้อของสำคัญจริง ๆ ทำให้คนเล่นจำนวนมากได้ฉากจบแบบนี้ไป โดยฉากจบที่ดีที่สุดในเกมนี้ ผู้เล่นต้องเหลือเงินน้อยกว่า 50,000 ทีนี้ก็เลือกเอา จะอยากจบแบบโลภหรือจบแบบดีที่สุด แต่ท้ายที่สุด เงิน แก้ปัญหาในเกมนี้ได้ด้วยนั่นเอง

4. Yakuza: Like a Dragon – สำคัญทั้งในเกมและชีวิตจริง

จะบอกเกมนี้ เงินสำคัญทั้งในจอและนอกจอเลยก็ว่าได้แม้ว่าจะเป็นคนละภาคก็ตาม สำหรับซีรีส์ Yakuza เราจะต้องเก็บเงินในการใช้ชีวิต พัฒนาสิ่งของ อัปเกรดสกิลความสามารถ และความสำคัญของเงินในเกมภาค Like a Dragon คือ ใน Chapter 12 ของเกม คุณจะต้องถือเงินสดไว้ 3 ล้านเยน เพื่อช่วยรณรงค์แคมเปญทางการเมืองภายในเกม และทำให้เนื้อเรื่องสามารถไปต่อได้ ดังนั้นคนที่ไม่ได้เก็บภารกิจเสริม ไม่ได้เล่นมินิเกมบริหารจัดการธุรกิจ บอกเลยว่าไปต่อยาก และต้องติดอยู่ตรงนี้สักพักใหญ่ ๆ ส่วนภาค Infinite Wealth นั้น อันนี้เรียกได้ว่าแก้ปัญหากันในชีวิตจริง เพราะคอนเทนต์เสริมพิเศษหรือ DLC ที่มีความสำคัญกับตัวเกมนั้น ต้องจ่ายเงินจริงเพื่อปลดล็อก เรียกได้ว่าสองภาค เงินสำคัญทั้งสองภาค ภาคนึงเงินในเกม ภาคนึงเงินในชีวิตจริงนี่ล่ะ

5. The Witcher 3: Wild Hunt – ปัญหาสองฝั่งของแฟนเกมและแฟนนิยาย

แฟนเกม The Witcher หลายคนอาจลืมสนใจเศรษฐกิจหรือการเงินภายในเกมไปเลย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ช่วงแรกผู้เล่นหลายคนคงเคยสัมผัสกับชีวิตวิชเชอร์ที่หาเงินโคตรยาก แต่แฟนนิยายจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจในเกมยังไปต่อได้อีก กลายเป็นว่า มันขัดใจทั้งแฟนเกมทั้งนิยายซะอย่างนั้น และถ้าไม่โกงเกมแบบโต้ง ๆ แฟนเกมเลยผลิตม็อดมารองรับคนทั้งสองฝ่ายซะเลย ม็อดตัวแรกคือ Geralt is Rich ที่จะเพิ่มเงินให้ Geralt แบบเป็นสุลต่านทันที แต่อีกตัวคือ Lore-Friendly Economy อันนี้แฟนนิยายเขาร่วมกันทำขึ้นมา เพื่อให้เศรษฐกิจในเกมไปเหมือนกับในนิยายมากขึ้น การเงินจะถูกปรับให้พอเหมาะ แต่อาจไม่ถูกใจคอเกม งานนี้คือเอาใจทั้งสองฝั่งจริง ๆ

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ

Facebook
Twitter
VK

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Follow us

Scroll to Top