งจุงโฮ ผู้กำกับชาวเกาหลีที่ทำหนังสไตล์เสียดสีและชนชั้นมนุษย์มาได้ดีมากตั้งแต่ Snowpiercer แถมเคยคว้าออสการ์มาแล้วจาก Parasite แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะดูหนังของเขาแล้วเข้าใจได้ง่าย ๆ เพราะมันอาศัยการตีความ การสังเกต และอื่น ๆ ร่วม จนหลายคนก็เข้าไม่ถึง แต่การกลับมาแบบฮอลลีวูดในรอบนี้ กับผลงานใหม่อย่าง Mickey 17 นั้น แก้ปัญหาตรงนี้ไปได้มาก อาจเพราะ Mickey 17 เอง ก็เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายอีกที แต่ด้วยฝีไม้ลายมือของบงจุงโฮ เลยทำให้มันสนุกได้
เรื่องราวของ Mickey Barns ที่สมัครเข้าเป็น มนุษย์ “ใช้แล้วทิ้ง” เขาจะถูกนำไปใช้งานหรือทดสอบต่าง ๆ จนถึงตาย ก่อนที่ร่างกายและความทรงจำของเขาจะถูก “พรินท์” ขึ้นมาใหม่ และนับตัวเลขต่อไปเรื่อย ๆ แต่แล้วครั้งหนึ่ง แทนที่ร่างพรินต์หมายเลข 17 จะต้องตายไปตามปกติ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เขารอดตายมาได้ แต่ชุมชนได้พรินท์ร่างเขาออกมาใหม่แล้วซะงั้น เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ ไปลองติดตามกันได้ในหนังเต็ม
สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Mickey 17 เป็นหนังที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกัน ผลงานของ Edward Ashton แต่เมื่อมาอยู่ภายใต้การกำกับของ Bon Joon Ho ต้องบอกเลยว่าฝีไม้ลายมือในการเล่าเรื่องของผู้กำกับคนนี้ยังคงไว้ใจได้ หากคุณเคยดูหนังอย่าง Snowpiercer (ที่มีอายุกว่า 10 ปีเข้าไปแล้ว) หรือใหม่หน่อยแต่แมสมากอย่าง Parasite ก็น่าจะพอเห็นแล้วว่าผู้กำกับคนนี้เก่งในด้านการเล่าเรื่องยังไงบ้าง แต่ที่น่าสนใจคือ Mickey 17 นั้น เล่าเรื่องได้เข้าใจง่ายกว่า และเห็นภาพกว่าที่ผ่านมา
กล่าวคือหากคุณดูหนังในช่วงต้นเรื่อง และเข้าใจ World Setting ของหนังได้แล้ว คุณก็จะสนุกไปกับหนังได้อย่างง่ายดาย หนังจะเล่าถึงเรื่องราวของการก่อตั้งอาณานิคมใหม่ มนุษย์ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจได้ยาก ทั้งในแง่ความเห็นแก่ตัว ความรัก โลภ โกรธ หลง เจตคติการมีชีวิตอยู่ และอื่น ๆ ที่ผสมปนเปกันมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ ดูไปเราก็ฉุกคิดไปหลายจุดเลยทีเดียว ว่าแท้จริงแล้วมนุษย์อาจเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเสียยิ่งกว่ามนุษย์ต่างดาว และบางครั้งในสายตามนุษย์ต่างดาว มนุษย์เองก็ไม่ต่างกันในแง่ของความแปลกหรือเป็นภัยอันตราย
และที่เอาคนดูอยู่ยิ่งกว่าเลยก็คือทีมนักแสดงที่ไม่ใช่แค่ Robert Pattinson แต่เป็นทั้งหมดในเรื่องนี้ เราได้เห็น Mark Ruffalo พลิกบทบาทการแสดงขั้นสุด จากซูเปอร์ฮีโร่สุดเท่ มาเป็นคนเย็นชา เหี้ยมได้ใจ และเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำมาก ๆ และ Toni Collette ก็จิตแบบสุด ๆ ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัวและไม่อยากเข้าใกล้แบบสัมผัสได้ แม้จะอยู่แค่บนจอภาพยนตร์ และสุดท้ายคือตัวตึงอย่าง Robert Pattinson เพราะต้องแสดงเป็นสองคน สองร่าง สองบุคลิก แถมทำได้ดีมาก เชื่อเลยว่าเป็นคนละคนกันจริง ๆ
ใครที่ดูหนัง Bong Joon Ho มาก่อน อาจจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันมาแนวแมสและเข้าถึงง่าย ไม่ได้อาศัยการตีความอันล้ำเลิศใด ๆ เหมือนที่ผลงานเก่า ๆ เคยทำ แต่ข้อดีก็คือ มันติดตามง่าย ย่อยง่าย และเข้าใจง่าย อาจจะไม่ได้เน้นปรัชญาอะไรมากขนาดนั้น แต่มันจะเป็นหนังที่ทุกคนดูได้อย่างแน่นอน
?ickey 17 เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์