ก่อนหน้านี้ Two Point ได้ทำการปล่อยเกมออกมาแล้ว 2 เกม คือ Two Point Hospital สร้างโรงพยาบาล และ Two Point Campus สร้างโรงเรียน
ที่ทั้ง 2 เกม จะเป็นแนว สร้างและบริหารจัดการให้สถานที่ที่เราสร้างขึ้นมานั้น มีคุณภาพดีเยี่ยม
ความเพลิดเพลินและความสนุกของเกม คือ ตัวเกมจะใส่เป้าหมายต่างๆ มาให้เราทำตามเป้าหมายไปเรื่อยๆ ความท้าทายต่างๆ และเหตุการณ์ต่างๆ ให้เราได้แก้ปัญหา
จนเก็บ 3 ดาว ในสถานที่นั้นๆได้สำเร็จ
ซึ่งในเกม Two Point Museum ก็ยังคงคอนเซ็ปต์และความสนุกเดิมจาก 2 เกมก่อนหน้า
อาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย เพราะความเป็น “พิพิธภัณฑ์” ที่เป้าหมายของมัน คือ “ให้เราหาของหายากต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก มาแสดง”
เพื่อให้คนเข้าชมรู้สึกบันเทิง และ ได้ความรู้กลับไป
รวมกับส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งมันทำให้เกมสามารถใส่อะไรต่ออะไรเข้ามาได้มากมาย
และทำให้เกมนี้ เป็นอีก 1 เกมดีย์ ๆ ที่มีอะไรให้เราทำหลายอย่างมากๆ เล่นได้ยาวๆ แบบเพลินๆ ลืมเวลา อารมณ์แบบเล่นตอนเย็นรู้สึกตัวอีกทีเกือบเช้าได้เลย ฮ่าฮ่า!!
ว่าแต่ เกมนี้มันมีอะไรดี วันนี้ เราจะมา Review ให้ฟังแบบละเอียด
เริ่มกันเลย !!
ภาพ และ เสียง
(ขอพูดถึงเรื่องนี้ก่อนเลย เพราะเนื้อหาน้อย 555+ ก่อนที่จะไปพูดถึงระบบการเล่นกันแบบยาวๆ)
ตัวละครต่างๆ ฉาก สิ่งปลูกสร้าง ของประดับต่างๆ ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน
เสียงประกอบก็โอเคตามมาตรฐานเช่นกัน
ระบบการเล่น
หัวข้อนี้ คือมีอะไรให้พูดถึงเยอะมากกกกกกกก
ขอเริ่มด้วย ธีม ก่อนเลย !
ก่อนหน้าที่เกมจะเปิดให้เราได้สอยมาเล่น ก็ได้ปล่อยเดโม และตัวอย่างต่าง ๆ มาให้เราได้เห็นก่อน
ซึ่งที่เขาเปิดเผยออกมา มันจะมีแค่ 3 ธีม คือ
1.ดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์
2.อควาเรียมสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ
และ 3.อาถรรพ์ผีปีศาจ
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ในเกมยังมีธีมอื่นๆ อีก เช่น ธีมอวกาศ และ ธีมพืชพันธุ์ อะไรแบบนี้
ซึ่งแน่นอน แต่ละธีมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
มีความปั่นที่เขาใส่เข้ามาเล็กๆน้อยๆในของต่างๆ เช่น ของในธีมใต้น้ำอย่างปลาหมึกก็เป็นปลาที่รูปร่างเป็นปากกาหมึกซึม หรือ ผีบางตัวที่ชื่อไปคล้ายกับคนดังบางคน
และแต่ละธีมยังใช้การจัดตกแต่งของแสดงที่ไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งเดี๋ยวจะไปพูดถึงอีกทีในหัวข้อถัดๆไป
การส่งหน่วยสำรวจ
ในเกมจะมีแผนที่ต่างๆ ให้เราได้ส่งนักสำรวจ ออกไปสำรวจทั่วทุกมุมโลก สำรวจกันแบบให้หัวหมุน ในจุดต่างๆ ในแผนที่
ความต้องการของทีมนักสำรวจก็จะแตกต่างกัน เช่น กลุ่มนักสำรวจที่ถนัดในเรื่องผี ก็ต้องส่งไปสำรวจที่แผนที่ผีเท่านั้น
จะส่งไปว่ายน้ำ หาของในน้ำก็คงไม่ได้ เพราะเขาคงว่ายน้ำไม่เป็น และไม่ถนัดโดนฉลามไล่ ฮ่าฮ่า
แล้วก็ยังมีความต้องการย่อยๆ ต่อไปอีกนิด เช่น แผนที่ตรงจุดนี้ต้องการกลุ่มนักสำรวจที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง
ถ้าเรายังไม่มีคนที่มีความสามารถนี้ ก็ต้องหาจ้าง หรือ ส่งคนของเราเข้าไปเทรนนิ่ง เพื่อเรียนรู้ความสามารถนั้นๆมาก่อนเท่านั้น ถึงจะส่งไปแผนที่นี้ได้
โดยสิ่งที่ได้กลับมา ก็จะมีหลายอย่าง แตกต่างกันตามจุดที่เราส่งไป
เช่น ได้ EXP ล้วน , ได้ของกลับมาโชว์ , ได้ความสามารถกลับมาติดให้ของแสดงชิ้นต่างๆ หรือ ได้วัตถุดิบกลับมา
แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงด้วยนะ เพราะการส่งสำรวจแต่ละครั้ง ก็หมายถึงเราได้ส่งกลุ่มนักสำรวจของเราไปเสี่ยงตาย ผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ
ซึ่ง พวกเขาอาจบาดเจ็บกลับมา โดนงูกัด ตกเขา และต้องพักรักษาตัว
ถ้าไปเจอหนักๆหน่อย บางคนกลับมาปุ๊บ ก็อาจร้องอยากจะลาออกกันเลยทีเดียวเชียว ฮ่าฮ่า
ในการส่งสำรวจบางครั้ง พวกเขาจะตัดสินใจกันเองไม่ได้ด้วยนะ ต้องส่งกลับมาถามเรา
อารมณ์แบบ “ท่านครับ ทีมสำรวจเจอฝนงูพิษ แล้วลืมเอาร่มมา เอาไงดีครับท่าน !!”
เราก็สามารถเลือกตอบได้ เช่นเลือกตอบว่า “ก็แค่ฝนน่า ลุยๆ ฝนไปเลย”
ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับผลจากการเลือกนั้นๆทันที เช่น ติดพิษบาดเจ็บกลับมาเป็นของแถม หรือ กลับมาได้ไวขึ้นเฉยเลย อะไรงี้
การจัดแสดงของต่างๆ
เพราะพิพิธภัณฑ์แต่ละที่ของเรา มีธีมเฉพาะตัว การวางของโชว์ ก็เลยต้องเป็นธีมต่างๆด้วย
ที่หัวข้อก่อนหน้านี้เกริ่นไว้ว่า วิธีการจัดแสดงของแต่ละธีมไม่เหมือนกัน ก็เช่น
ของธีมใต้น้ำ เราต้องซื้อตู้ปลามาติดตั้ง ใส่อุปกรณ์ต่างๆ เครื่องปรับอุณหภูมิ เครื่องให้อาหาร แล้วถึงจะใส่ปลาที่เราจับมา ลงไปแสดงได้
หรือของธีมผี ที่เราไปจับผีมาได้แล้ว ต้องสร้างห้องให้พวกเขาอยู่ ใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆลงไป เตียง ตู้หนังสือ แล้วถึงส่งผีลงไปอยู่ได้
หรือต้นไม้ที่ต้องการอากาศร้อน และ ของแช่แข็งจากขั้วโลกที่ต้องการความเย็น
กระดูกไดโนเสาร์ที่ต้องส่งสำรวจหลายๆรอบ หาชิ้นส่วน หัว ลำตัว หาง มาประกอบกันเป็นตัวครบๆ หรือของจัดแสดงที่ต้องอยู่ใกล้ๆ กับของตกแต่งอย่างก้อนหิน/ต้นไม้โบราณ
โดยเราต้องมั่นใจด้วยนะ ว่าของแสดงชิ้นต่างๆ ตู้ปลา หรือ ห้องผีที่เราจัดไว้ จะตอบโจทย์ของชิ้นนั้นๆ ด้วย
อย่างปลาบางตัวไม่ชอบสาหร่ายน้ำ ปลาบางตัวชอบสาหร่ายน้ำ ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
หรือผีบางตัว ชอบห้องใหญ่ๆ ชอบอยู่ร่วมกับผีตัวอื่นๆ หรือ ผีตัวนี้ดันเป็นอินโทรเวิร์ตไม่ชอบอยู่กับใคร ก็เลยต้องจับแยกไปอยู่ตัวเดียว
ของบางชิ้น ที่ถ้าเอาไปวางไว้แยกกันจะเป็นแค่ของธรรมดา แต่ถ้าเอาไปวางไว้ใกล้ๆกัน ครบเงื่อนไข
จะเปิดความสามารถพิเศษออกมา กลายเป็นของที่ ลอยได้ โคตรอลังการ คนดูชอบ !
ซึ่งถ้าเราจัดความต้องการไม่ตรงกับของชิ้นนั้นๆ ก็อาจส่งผลให้ของชิ้นนั้นมีอันเป็นไปได้เช่นกัน
น้ำแข็งละลายหมด ต้นไม้ตาย ปลาตาย หรือผีหนีไปเลย อะไรงี้
อ่อ แล้วของแต่ละชิ้น ต้องการผู้เชี่ยวชาญที่ตรงสายของมันเพื่อมาดูแลด้วยนะ
ตัวอย่างเหตุการณ์ก็ ผู้เชี่ยวชาญด้านผีต้องคอยเข้าไปคุยและดูแลผี ให้พวกผีอารมณ์ดี
ถ้าเราดันเผลอส่งผู้เชี่ยวชาญด้านผีออกไปสำรวจบ่อยๆ ไม่เหลือใครไว้ดูแลผีของเราเลย ก็อาจทำให้ของพวกผีของเราอารมณ์ไม่ดี และออกอาละวาดและหนีไปได้เหมือนกัน !!
อีกจุดเด่นพิเศษของเกมนี้ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ เกมจะเปิดให้เราเอาของจากธีมต่างกัน มาแสดงรวมกันได้ !!!
ซึ่งมันเปิดความคิดสร้างสรรค์ของเราได้แบบสุดๆ ธีมหลักเป็นไดโนเสาร์ แต่ข้างในมีตู้ปลาอควาเรียม รวมถึงมีผีอีกตะหาก !
ของแต่ละชิ้น ที่เราได้จากการส่งสำรวจ ยังมีความหายากด้วยนะ แบ่งเป็นสีๆ สีฟ้า สีม่วง ก็ของแบบเดียวกันนี่แหละ แต่ชิ้นนี้เป็นระดับสีม่วงหายากสุดๆ
โดยเราจะมีโอกาสได้ของซ้ำกลับมาด้วย ซึ่งเราจะเอาลงไปแสดงทุกชิ้นเลยก็ได้ หรือจะขายของซ้ำเป็นเงินเอาไปทำอย่างอื่น
หรือจะเอาของซ้ำๆกัน เลือกชิ้นที่ระดับหายากสุดไปโชว์ แล้วเอาชิ้นอื่นๆไปวิจัยเพิ่มความรู้ให้ของชิ้นเดียวกันก็ได้ คนเข้ามาชมของชิ้นนั้นจะได้รับความรู้ที่เพิ่มขึ้นกลับไป !
แล้วของแต่ละชิ้น ก็ยังมีสกิลติดตัวด้วย เช่น ชิ้นนี้ทำให้แขกที่เข้าดูรู้สึกเบื่อ แต่ชิ้นนี้ดูแล้วตื่นเต้นๆ
ซึ่งเรายังเอาหินความสามารถที่ได้จากการสำรวจมาติดใส่ของชิ้นต่างๆ เพื่อเพิ่มสกิลติดตัวให้ของแสดงชิ้นนั้นๆ ได้อีก
โอ้ยยยยย แค่จัดของแสดงลงพิพิธภัณฑ์ ก็เพลิดเพลิน กินเวลาจัดๆ แล้ว ฮ่าฮ่า
นี่ยังไม่รวมของตกแต่งที่เราปลดล็อคมาใช้เพิ่มเติมได้ และบางชิ้นที่เราเอามาแต่งเปลี่ยนสีให้เข้ากับธีมต่างๆได้ด้วยนะ
การบริหารคน
อีก 1 ระบบ ที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ
พิพิธภัณฑ์ใหญ่ ก็ต้องจ้างคนเยอะ พอคนเยอะก็ปัญหาเยอะ !!!
ในเกมมีอาชีพหลักๆให้เราจ้าง 4 สายคือ
Experts ผู้เชี่ยวชาญ มีหน้าที่ ดูแลของต่างๆในพิพิธภัณฑ์ นำทัวร์
Assistants ผู้ช่วย มีหน้าที่หลักๆ เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ขายตั๋ว ขายสินค้า หรือทำการตลาดJanitors ภารโรง มีหน้าที่ดูแล ทำความสะอาด ซ่อมแซม ทำงานช่าง
Security Guards ผู้รักษาความปลอดภัย ที่คอยดูแลความเรียบร้อยในพิพิธภัณฑ์ จับโจร รวบรวมเงินบริจาค
ซึ่งทั้ง 4 สายอาชีพ ที่เราจ้างมาทำงาน จะมีความต้องการในการทำงาน มีเลเวลให้เก็บ
ส่งออกสำรวจได้ เปลี่ยนชุดได้ พัฒนาความสามารถให้พวกเขาได้
และพวกเขาจะมีนิสัยติดตัวด้วย นิสัยดีๆที่เสริมการทำงานก็มี แต่บางนิสัยก็ส่งผลเสียในการทำงานด้วย
เช่น Experts ที่เกลียดการทำทัวร์ แต่เราดันไปเทรนนิ่งทำทัวร์ให้เขา และให้เขาทำหน้าที่นำทัวร์เป็นหลัก
ปรากฏว่า นำทัวร์ไม่ดี ลูกทัวร์บ่นยับๆ – -“
ดังนั้น ก่อนจะเสียเงินจ้างใครก็ต้องดูตรงนี้ให้ดีๆ ด้วย
มีผีให้จ้างด้วยนะ คนงานจำพวกผีก็จะมีสกิลติดตัวคือ ไม่เจ็บป่วย ก็แหงแหละ 555+
การบริหารการเงิน
หัวข้อนี้ก็ทำออกมาได้ดีนะ เพราะเราจะได้ฝึกสกิลในด้านเงินๆทองๆในเกมด้วย
ซึ่งเราสามารถหาเงินได้หลากหลายช่องทางมากๆ
ทั้งขายตั๋วพิพิธภัณฑ์ เปิดบริจาคในจุดต่างๆ ขายของที่ละลึก ตู้กดน้ำ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่สุ่มมา
เพิ่มค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์ ค่าตั่ว ค่าของที่ละลึก
ไปจนถึงการเงินแบบลึกๆ กู้ยืม หรือหาสปอนเซอร์
หรือรายจ่ายที่มาจากการจ้างคนงาน ส่งสำรวจ สร้างห้องต่างๆ งานวิจัย ค่าทำโปรโมชั่น หรือโดนโจรขโมยของเรียกค่าไถ่ !
ให้เราได้รู้จักการวางแผนทางการเงิน ดูกราฟการใช้เงิน ดูรายรับรายจ่าย เพื่อให้เราได้กำไรในเดือนต่อๆไป
สรุป
เกมดีย์ ที่เกมเมอร์สายบริหารจัดการต้องสอยมาเล่น ยิ่งถ้าใครเป็นแฟนของค่าย Two Point อยู่แล้ว เกมนี้ยิ่งห้ามพลาด
เพราะมีอะไรให้ทำได้หลายๆ อย่าง มีความฮาจากการดูคนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ มีความปั่นที่เกมใส่เข้ามาในรูปแบบของแสดง
ถ้าใครไม่ถนัดเล่นโหมด Campaign ก็มีโหมด Sandbox ให้เล่นชิลๆแทน
อย่างเดียวที่ต้องดูให้ดีก่อนสอยเกมมาเล่นคือ เกมนี้ไม่มีภาษาไทย และต้องใช้ความสามารถทางภาษาค่อนข้างสูง
แต่ถ้ามองอีกมุม ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้ภาษาด้วยเช่นกัน
เกมดีๆ เล่นเพลินๆ แบบนี้ เอาไปเลย 4.5/5 คะแนน !!
Two Point Museum เปิดให้เล่นตั้งแต่ 5 มี.ค. 2568 บน PS5, Xbox และ PC