รีวิว – Atomic Heart

ผลงานเกมที่เปิดตัวมานานมาก และในที่สุดเราก็ได้เล่นกันแล้ว แต่มันจะสมการรอคอยหรือไม่ ขอเชิญพบกับรีวิว Atomic Heart

Atomic Heart เล่าเรื่องราวของโซเวียต แต่เป็นโซเวียตในเวอร์ชั่นที่ต่างจากที่เราเข้าใจ คิดซะว่ามันเป็นเหตุการณ์ What if หรือเหตุการณ์คู่ขนานก็ได้ โซเวียตในเกมนี้ เป็นโซเวียตที่ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านความเจริญรุ่งเรืองและวิทยาการอันล้ำหน้า มนุษย์กับหุ่นยนต์ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการคิดค้นโพลีเมอร์และนำมาใช้ร่วมกับหุ่นยนต์และมนุษย์โดยฝีมือของ Dr. Dmitry Sechenov และในขณะที่วิทยาการกำลังล้ำหน้า หุ่นยนต์บางตัวดันทำงานผิดปกติ และเริ่มอาละวาดทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีสาเหตุ

ผู้เล่นจะรับบทเป็น Sergey Alekseyevich Nachaev อดีตทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการใช้อาวุธ เราถูกส่งมาที่ Facility 3826 ในฐานะเจ้าหน้าที่รหัส P-3 และได้รับการร้องขอความช่วยเหลือเชิงคำสั่งจาก Sechenov ว่า ตัวการที่ทำให้หุ่นยนต์คลุ้มคลั่งอาจมาจากหัวหน้าวิศวกรอย่าง Petrov ภารกิจตามล่าตัวนายช่างใหญ่ไปพร้อม ๆ กับถุงมือจอมพูดมากที่มอบพลังให้กับเรา โดยฝ่าดงหุ่นยนต์จักรกลสังหารไปด้วยใน Facility 3826 แห่งนี้ จึงได้เริ่มต้นขึ้น

แม้พล็อตจะดูเหมือนเชยไปซะหน่อย แต่เอาจริง ๆ แล้ว Atomic Heart มีเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเข้มข้นและซับซ้อนมาก ๆ ผู้เล่นจะต้องพยายามตั้งใจอ่านพวกไฟล์เอกสาร หรือบทสนทนาดี ๆ จึงจะเข้าใจสถานการณ์และเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเอาจริง ๆ แล้วสเกลเนื้อเรื่อง มันไม่ได้จบแค่มีคนคิดกบฎ อยากทำให้หุ่นยนต์กลายเป็นเครื่องจักรฆ่าคน แต่มันเกี่ยวโยงไปถึงเกมการเมือง การค้า และมันก็เล่าเรื่องได้ค่อนข้างดี เกมนี้จะว่ามันเป็นเส้นตรงก็ใช่ แต่จะว่ามันเป็นกึ่ง Open World ก็ใช่อีก ทำให้ Pacing ของเกมทำได้ค่อนข้างลำบาก

ผมคิดว่าทีมสร้างเกมนี้ ที่ทำเกมฟอร์มใหญ่เป็นเกมแรก เหมือนเขาจับจังหวะของตัวเองไม่เจอ มาถึงใส่สเกลใหญ่ให้เกมตัวเองเลย ทำให้แม้เนื้อเรื่องจะดี แต่การเล่าเรื่องกับเกมเพลย์มันไปด้วยกันไม่ค่อยได้ เลยติด ๆ ขัด ๆ อยู่บ้าง เล่นกว่าจะจบเกม ลืมไปหมดแล้วว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรมาบ้าง มีเหตุการณ์อะไรสำคัญบ้าง คือมันดีแหละ สำหรับเนื้อเรื่อง แต่เกมเพลย์กับจังหวะการเล่าเรื่องทำให้มันสะดุด เพราะหลังจากผมเล่นจบ แล้วไปอ่านเนื้อเรื่อง มันล้ำใช้ได้เลยนะ ก็หวังว่าถ้าพวกเขาทำเกมต่อ ๆ ไป จะยกระดับจังหวะการเล่าเรื่องให้ดีขึ้นกว่านี้ได้ แต่ใครที่ชอบความเป็นไซไฟ มีงานศิลป์ มีความโดดเด่นของโซเวียตในยุคเฟื่องฟูแต่เป็นเหมือนอีกความเป็นไปได้หนึ่ง ผมว่าทุกคนจะชอบเกมนี้

อย่างแรกเมื่อเข้าเกมมาเลย สิ่งที่รู้สึกว้าวก็คือ โห ภาพสวยมาก คือมันไม่ได้สวยแบบบาดตาบาดใจอะไรขนาดนั้น แต่มันสวยเพราะเขาวางทิศทางงานศิลป์ วางสถาปัตยกรรม วางแสงเงาได้ดีมาก ถ้าตั้งใจเพ่งดี ๆ เราก็จะเห็นว่ามันไม่ได้คมกริบอะไรขนาดนั้น แต่เพราะการจัดวางองค์ประกอบของเขามันสวยจริง ๆ เรียกได้ว่า Art Direction ของเกมนี้นี่ เอาไปเต็มสิบได้เลย ถึงแม้มันจะมีดราม่าเรื่องเกี่ยวกับสงคราม แต่ผมไม่เถียงเลยว่าพวกสถาปัตยกรรม พื้นที่ โลกในเกม มันสวยงามมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ในเกม มันเป็นการย้อนยุคไปช่วงปี 1950 แต่มันเหมือนเราอยู่ในโลกอนาคตอันใกล้ ไม่ก็พวกยุคปัจจุบันนี่เลย มันมีรถรางลอยฟ้า มีรูปแบบอาคาร สิ่งประดิษฐ์ที่ดูมีความเป็นไซไฟ มีความล้ำอนาคตอยู่ แต่ในความล้ำสมัย สิ่งที่ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าเรายังอยู่ในยุคเก่าก็คือพวกรถนี่แหละ เหมือนเขาจงใจออกแบบรถให้มันดูเป็นยุคสมัยเดียวกัน อย่างอื่นล้ำหมด รถยังเป็นรุ่นเก่าคลาสสิคซะงั้น

และความสวยงามของเกมนี้ก็ไม่ได้เรียกร้องขอสเปคคอมพิวเตอร์ที่แรงเวอร์อะไรนัก อย่างเครื่องผมที่ใช้ i7-8750H เป็นโนตบุคด้วย มันยังเล่นเกมนี้ได้ลื่นมาก ลื่นกว่าที่คิด ในช่วงเวลาที่ผมกำลังรีวิวเกมนี้ Wo Long: Fallen Dynasty ก็ออกมาแล้ว ผมจะบอกว่าเครื่องผมเล่น Atomic Heart ได้ลื่นกว่า Wo Long ซะอีก คือ Wo Long มันมีปัญหาก็พอจะเข้าใจได้ แต่ Atomic Heart มัน Optimized เกมมาได้ค่อนข้างดีมาก ขนาดเจอฉากบอสไฟท์ที่มันมีเอฟเฟคท์ มีการอัดสเกลพลังเยอะ ๆ ผมยังไม่มีอาการเฟรมเรทดรอปหรืออะไรเลย แต่ Wo Long นี่ เจอศัตรูบางตัวร่ายพลังหน่อยก็มีร่วงแล้ว ก็เข้าใจแหละมันเทียบกันไม่ได้ แต่ขอนิดนึงละกัน สำหรับ Atomic Heart ใครมีเครื่องกลาง ๆ หน่อยก็เล่นได้ ไม่มีปัญหาแน่ ตั้งกราฟิกให้เหมาะสมกับเครื่องก็พอ

และหลายอย่างที่เกมเมอร์เห็นแล้วอาจจะรู้สึก เอ๊ะ มันเหมือนเกมไหนไหม เอาจริง ๆ เกมนี้มันเหมือนเอาตรงนั้นของเกมนี้นิดนึง เอาตรงนั้นของเกมนี้หน่อยนึงมาใส่เยอะมาก อย่างฉากเปิด มีใครจะเถียงเหรอว่ามันไม่เหมือน Bioshock นครลอยฟ้าเอย เนื้อหาเอย ถุงมือเอย ยังมีการใช้พลังอีก นอกนั้นศัตรูบางตัว ยังไอ่หัวปรสิตนี่ เล่นครั้งแรกนึกว่า The Last of Us ไม่ก็ Resident Evil 4 แต่ถ้าถามผมว่ามันเอาแรงบันดาลใจมาจากไหนเยอะสุด ผมว่าก็น่าจะ Bioshock ยิ่งช่วงท้ายเกมที่เฉลยเนื้อเรื่องโค้งสุดท้าย ยิ่งใช่เข้าไปอีก

แต่สิ่งที่เกมนี้ทำดีมาก สนุกมาก คือไอ้ท่าเก็บไอเทมนี่แหละ เกมอื่นเราต้องวิ่งเข้าไปกด วิ่งเข้าไปหา ไอ่เกมนี้ กดปุ่มเดียวค้าง ดูดฟึ่บมาเกือบครบ เท่มาก สะดวกมาก ลดเวลาฟาร์มของไปได้เยอะ จะมีข้อเสียที่น่ารำคาญก็คือ พวกจุดที่เป็นหีบไอเทมที่เราฟาร์มได้ ถ้าเรากดสแกนมันจะขึ้นเป็นสีฟ้า ๆ ถ้าสีฟ้ายังเหลืออยู่ แปลว่ายังดูดไอเทมมาไม่หมด สายเก็บทุกอย่างแบบผมนี่ น่าจะเสียเวลาฟาร์มไปประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนเวลาที่เล่นจริง ๆ กันเลยทีเดียว

แผนที่ในเกมนี้ มันไม่ใช่ Open World อย่างที่เราคิดกันนะครับ ผมคิดว่ามันเป็นแบบกึ่ง Open World มากกว่า คือมันจะมีช่วงที่เราคาอยู่ในพื้นที่ปิด มีทางไปเป็นทางเดียวเท่านั้น แต่ต้องซอกแซกผ่านพื้นที่เล็กน้อย รวมไปถึงกำจัดศัตรูเพื่อไปให้ถึงที่หมาย และเมื่อเราออกมาบนพื้นดินได้ ตรงนี้จะเป็นส่วนของ กึ่ง Open World คือมันไม่ได้กว้างมาก แต่ก็พอจะออกสำรวจได้ ระหว่างทางก็จะมีศัตรูอยู่เพียบ อันนี้เดี๋ยวผมจะเล่าต่อในช่วงเกมเพลย์ด้านล่าง เพราะมันทั้งสนุกและน่ารำคาญในจุดเดียวกัน

ขอนิดนึง ไอ่หุ่นยนต์สองสาวเนี่ย ผมว่าผู้สร้างเขารู้นะ ว่าจุดขายมันคืออะไรหลังกระแสบนโลกอินเทอร์เน็ตออกมา หลังตัวเกมเปิดตัว คือบางอย่าง บางการกระทำของไอ้หุ่นสองตัวนี้ มันแปลกมาก แปลกแบบเซอร์วิสให้พวกกระหายอะ จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทำไมมันต้องฉีกแข้งฉีกขา เล่นท่ายากด้วย คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจากแฟนเซอร์วิส คือผมไม่ก็ขัดอะไรหรอก แค่รู้สึก มันแปลก แปลกแบบ Cringe มาก เพื่ออะไร ทำปกติเราก็เก็ท แต่นั่นแหละ แฟนเซอร์วิสชัด ๆ

เอาล่ะ มาดูเกมเพลย์กันบ้าง เกมเพลย์ของ Atomic Heart มันเป็นเกมเพลย์ที่ผมบอกได้เลยว่า ผมทั้งรักทั้งเกลียดเกมนี้จริง ๆ สารภาพตรง ๆ ผมหงุดหงิดจนลบเกมทิ้งไปรอบนึง ก่อนจะกลับมาลงเกมใหม่ แล้วลุยต่อยาว ๆ จนจบ เนี่ย ความสัมพันธ์แบบเกมหมา เลิกเล่นแล้ว พรุ่งนี้เอาใหม่ ไม่ได้ใช้ได้แค่กับเกมออนไลน์นะ เกมเนื้อเรื่องแบบ Single Player มันก็มีฟีลแบบนี้ได้ สาเหตุเพราะมันเป็นเกมแอ็คชั่นที่สนุกมาก ผมชอบระบบการต่อสู้ของเกมนี้มาก คือต่อให้มันมาไม่หยุด ผมก็ยังอยากสู้ต่อ มันทำออกมาดี และมีรางวัลที่เหมาะสมและคู่ควรกับการเสียเวลาสู้ เราจะได้ไอเทม ได้วัตถุดิบที่มีประโยชน์เยอะมาก ๆ เกมเพลย์หลัก ๆ ของ Atomic Heart จะแบ่งออกเป็นสองส่วนเลยก็คือส่วนของการต่อสู้ และส่วนของการไขปริศนา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มันค่อนข้างขัดแย้งกันอย่างหนักมาก และมันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมลบเกมทิ้งไปรอบนึง หัวร้อนเลย เอาง่าย ๆ

ด้านของระบบการต่อสู้ ผมบอกเลยว่ามันสนุกมาก แต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ การต่อสู้ของเกมนี้ มันมีความเป็น Bioshock สูงมากอีกแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ประณีตเท่า Bioshock เราจะมีถุงมือที่มือซ้ายไว้ใช้พลังพิเศษ และมือขวาจะเป็นอาวุธปืน การใช้พลังนี่ เอาจริง ๆ มันเหมือน Bioshock แค่อย่างเดียวเลยคือ ไอ้พลัง Telekinesis นอกนั้นผมมองว่ามันเฉย ๆ มาก อย่างพลังแช่แข็งนี่ จะทำให้มันเป็นไอเย็นหน่อยก็ไม่ได้ เป็นก้อน ๆ ซะงั้น แถมช่วงแรกผมกดผิดบ่อยมาก จะกด Interact ไปกดปล่อยพลัง อ้าว ต้องรอน้ำแข็งละลาย ไม่งั้นกด Objective ไม่ได้

การใช้อาวุธปืน บอกตรง ๆ เลย ผมรู้สึกว่าการยิงปืนเกมนี้มันก๊องแก๊งมาก มันดูไม่ทรงพลัง ไม่อิมแพคเลย เหมือนเราไม่ได้ยิงปืน จะปืนพก ปืนกลไรเฟิล มีปืนเดียวที่ผมรู้สึกว่ามันทรงพลังจริง ๆ คือปืนบาซูก้า อันนี้ดี แถมใช้สู้กับบอสได้ดีมาก และถึงแม้เกมนี้มันจะมีอาวุธที่หลากหลาย แต่พอมานั่งดูดี ๆ เราจะเห็นว่ามันมีอันที่เหมาะจะอัปเกรดจนเต็มแค่ไม่กี่อัน สำหรับผมเนี่ย อาวุธประชิดคือ Zvechdochka อันนี้ อัปเกรดเต็มดาเมจสุดหลอด ฟาดแรงมาก อาวุธปืนผมใช้แค่ปืนยิงไฟฟ้า และปืนกลเท่านั้น ที่เหลือแทบไม่ได้แตะ คือใครอยากลองอาวุธอื่น ๆ ก็ได้ แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ผมแนะนำสามกระบอกนี้ อัปเกรดเต็มแล้วเจ๋งแจ๋วมาก แถมไม่ต้องไปลำบากตามหาม็อดอาวุธ เอาที่มันให้มาก็โหดแล้ว

ศัตรูในเกมนี้ก็มีหลายแบบมาก และผมค่อนข้างชอบเลย จริง ๆ น่าจะเพราะชอบระบบต่อสู้มันมากกว่า สิ่งที่ทำให้เกมนี้มันดูประณีตน้อยกว่า Bioshock คือ ศัตรูมันไม่มีลูกเล่นอะไรมาก ไม่มีจุดอ่อน ไม่มีท่าพิเศษถึงตายอะไร หลบให้พ้น สแปมยิงเข้าไปก็จบแล้ว มันน่าผิดหวังแหละ แต่ดีไซน์ศัตรูเขาทำมาดี มันเลยทำให้สนุก โดยเฉพาะไอ้พวกหุ่นยนต์มนุษย์ลุงทั่วไปเนี่ย เอาจริงมันน่ากลัวกว่าพวกบอสอีก บางทีโผล่มาจากไหนไม่รู้ ฟาดหน้าเราเข้าให้ แล้วลีลาท่าทางมันคือแบบ ผมนึกว่าบัวขาวมาสอนท่าสู้ให้มัน ทั้งฟุตเวิร์ค ทั้งกระโดดถีบขาคู่ บางจังหวะผมไม่เห็น สู้กับตัวอื่นอยู่ หันเมาส์มา เจอส้นเท้ามันถีบเข้าหน้า น่ากลัวโคตร ๆ แต่พอเจอบ่อยเข้าก็เฉย ๆ ละ หยิบไม้มาฟาด ๆ เอาปืนยิง ๆ มันก็ตาย

และที่ผมชอบเกมนี้คือ เกมนี้นอกจากพวกบอสแล้ว มันจะไม่มีพลังชีวิต แต่มันจะให้เราเห็นความเสียหายของพวกหุ่นยนต์ คือยิ่งถลอกปอกเปิกมากเท่าไร ก็คือมันใกล้ตายเท่านั้นแหละ ยิ่งช่วงหลัง ๆ อาวุธเราแรง ฟาดที สีถลอกจนเจ็บหนัก มันสะใจดี และทำให้เราเห็นกันชัด ๆ ด้วย ว่าการโจมตีของเรามันแรงแค่ไหน

อย่างที่บอกว่าเกมมันเป็นกึ่ง Open World ช่วงที่เราออกมาสำรวจข้างนอก เกมนี้จะมีระบบ Alert คล้าย ๆ กับพวกดาวขึ้น โดนไล่อะไรประมาณนั้น ถ้าเราโดนกล้องวงจรปิดจับตัวได้ ศัตรูจะแห่กันมาเรื่อย ๆ และมันมาไม่หยุดเลยด้วย ถ้าเราสู้ก็ต้องสู้ตลอด เว้นแต่ว่าจะหนี หรืออีกวิธีคือไปหาจุดหอคอยแล้วแฮคกล้องวงจรปิด เพื่อหาจุดกระจายสัญญาณ จากนั้นก็ปิดการทำงานของพวกหุ่นยนต์ เราก็จะสำรวจได้อย่างสบายใจ แต่หุ่นตัวไหนที่เราไปตี มันก็จะกลับมาไล่ตบเราเหมือนเดิมนะ ต้องระวังด้วย

ในส่วนที่ผมหงุดหงิดปนไม่ชอบเลย คือส่วนของ Puzzle เกมนี้ คือมันทำลาย Pacing ของเกมไปเยอะเหมือนกัน อย่างเช่นเรากำลังยิงอยู่มัน ๆ งี้ โดน Puzzle จำนวนมากโถมใส่ แล้วคือ Puzzle เกมนี้ นอกจากครั้งแรกที่เราเจอมันแล้ว รอบอื่น ๆ เราจะไม่ได้เห็น Guide หรือคำแนะนำอะไรนะครับ ดังนั้นตอนเจอรอบแรก จำไว้ให้ดีว่ามันแก้ยังไง สำหรับผมมันยากก็จริง แต่มันยากแค่รอบแรก แต่ผมว่าบางช่วงมันใส่มาเยอะเกินไป บางอันก็สนุกดี อย่างไอ้กดสวิทช์ให้ตรงจังหวะ แต่บางอันก็น่ารำคาญ ส่วนตัวผมรำคาญ Puzzle เลเซอร์มาก รองลงมาก็ Puzzle สลับสีเนี่ยแหละ

แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า เขาใส่มาผิดจังหวะไปเยอะมาก กำลังบู๊มัน ๆ เอ้า ปริศนามาเฉยเลย แล้วมันไม่ได้แปปเดียว บางฉากคือมันยาวมาก และอย่างที่บอก บางช่วงมันไม่ใบ้อะไรเลย มันให้เราสังเกตสภาพแวดล้อมกันเอาเอง ใครรีบเล่น รีบ Rush รับรอง ตันแน่ ๆ ผมไม่ได้บอกว่ามันยากนะ ถ้าจับจุดได้ สังเกตเป็น มันง่ายมาก แบบเส้นผมบังภูเขาเลย แต่คนรีบอย่างผมเนี่ย ติดขัด ยอมเปิดบทสรุปส่วน Puzzle เอาเลย โดยเฉพาะพวก Puzzle เลเซอร์เนี่ย ยอมจริง

และเพราะศัตรูมันออกมาไม่หยุด ออกมาเรื่อย ๆ เหมือนที่ผมบอกไป ทำให้เกมนี้เราแทบจะฟาร์มได้แบบอันลิมิตเลย คือตราบใดที่เราไม่สั่งหยุดการทำงานหุ่นในพื้นที่ มันก็จะปล่อยศัตรูออกมาเรื่อย ๆ และศัตรูทุกตัวที่ตาย มันจะดรอปนูโรโพลีเมอร์ที่เอาไว้อัปเกรดสกิล และพวกวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เอาใช้ไว้อัปเกรดอาวุธแทบจะทุกตัว คือฟาร์มกันมันมาก ตอนผมเล่นนี่คือไอเทมล้นตัว จนต้องย่อยทิ้ง ขนาดย่อยทิ้งแล้วพวกวัตถุดิบบางชิ้นยังเหลือเป็นพัน และมันทำให้เกมง่ายแบบง่ายเลย ตั้งแต่ช่วงกลางเกมเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นใครอยากเล่นเกมนี้แบบตึง ๆ เล่นโหมดยากไปเลย หรือไม่ก็ฟาร์มให้มันน้อยลง แต่เลือกอันแรกผมว่ามันน่าจะโอเคกว่าที่เราจะมาหยุดการฟาร์มของเรานะ

ถ้าให้พูดถึงข้อเสีย ผมว่ามันก็มีแค่เรื่อง Pacing กับการสลับพัซเซิลและแอ็คชั่นที่ดูไม่ค่อยเวิร์ค และการต่อสู้บางช่วงที่มันแปลกมาก คือไม่รู้ว่าศัตรูมันมีระยะตามเราไกลแค่ไหน แต่อย่างฉากนี้ ไอ่ตัวแดง ๆ ที่เหมือนคาร์เนจใน Venom นี่ ผมขับรถหนีมันมาตั้งแต่กลางสะพาน จนสุดอีกฝั่ง ไม่นึกว่ามันจะตามมาถึง แล้วยาผมหมดพอดี หนีเข้าห้องเซฟก็ไม่ได้ ต้องใส่ทุกอย่างเข้าสู้แบบเกือบตาย คือมันสนุกจริง แต่บางทีมันแปลก แปลกแบบ เห้ย มันเกินไปไหม อะไรประมาณนี้

ข้อเสียอีกข้อสำหรับผมคือ การต่อสู้มันค่อนข้างง่าย บอสไฟท์แทบทุกตัวมันง่ายเกินไปมากสำหรับผม อย่างบอสตัวแรก ผมไม่รู้ว่าผมต้องมาเจอมัน เลยไม่ได้เตรียมกระสุนมาสู้ กระสุนหมดตั้งกะช่วงแรก แต่เอาไม้เข้าไปฟาดมันจนตายได้ แถมท่าโจมตีที่เหมือนจะแรง โดนไปก็แบบ หะ ลดแค่นี้เองเหรอ คือนี่มันเป็นความยากแบบ Normal เกมอื่นมันควรจะทำเราปางตายได้บ้าง แต่นี่ไม่เลย มันง่ายไปหมด แม้กระทั่งบอสไฟท์ในช่วงท้ายเกม มันก็ยังรู้สึกว่าง่ายไป เสียดายตรงนี้มาก ๆ

แต่นอกเหนือไปจากนี้ Atomic Heart เป็นอีกเกม Action Adventure ที่สนุกใช้ได้เลยครับ ถ้ามองว่ามันเป็นผลงาน Debut ของค่ายเกมนี้ ผมว่าเขาทำได้น่าประทับใจ ซึ่งหวังว่าถ้าเขาทำเกมต่อ ๆ ไปออกมา เขาจะจัดการข้อเสีย ข้อด้อยที่เกมนี้มีได้นะ เกมนี้มีให้เล่นบน Xbox Game Pass ด้วย สำหรับสมาชิก ก็ไปจัดมาเล่นกันได้เลย หรือใครจะซื้อเกมเต็มเลยก็ทำได้เช่นกันจ้า

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ

Facebook
Twitter
VK

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Follow us

Scroll to Top