Talents คือความสามารถที่เหล่าพ่อมดแม่มดใน Hogwarts Legacy ทุกคนสามารถเรียนได้ เมื่อทำภารกิจเนื้อเรื่องในช่วงแรกของตัวเกมผ่านไป แต่ด้วยความที่กว่าเราจะได้มานั้น ก็เป็นช่วงเลเวล 10 แล้ว และตัวเกมก็มีเลเวลที่ตันเพียงแค่ 40 เท่านั้น ทำให้แต้ม Talents Point ของเรา ไม่เพียงพอที่จะอัปทุกสกิลได้ ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้เล่นทุกคน นี่คือเหล่า Talents แบบแปลไทย พร้อมแนวทางการอัปเกรด
สาย Spell – เน้นเพิ่มประสิทธิภาพของคาถาพื้นฐานทั้งหมด
สำหรับสายนี้ ถือว่าเป็นสายที่จำเป็นต้องอัพเลยก็ว่าได้ เพราะสกิลหลัก ๆ ที่ใช้ในการต่อสู้นั้น จะได้รับการเสริมพลังจากสกิลสายนี้ ซึ่งเราต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะเสริมพลังให้สกิลสายใด ถ้าเน้นบ้าพลังก็ไปเป็นพวก Diffindo, Confringo เพื่อทำให้การโจมตีแรงขึ้น แต่ถ้าอยากขัดจังหวะศัตรู ก็เสริมพลังพวก Accio / Leviso ได้ แล้วแต่ผู้เล่นเลย
เลเวล 5
1.Incendio Mastery
– เมื่อร่ายคาถา Incendio จะเกิดวงแหวนไฟโจมตีศัตรูรอบ ๆ ในระยะ
2.Accio Mastery
– ศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ เป้าหมายที่โดน Accio จะโดยดึงเข้ามาด้วย
3.Levioso Mastery
– ศัตรูที่อยู่ใกล้ ๆ เป้าหมายที่โดน Levioso จะถูกยกให้ลอยด้วย
4.Diffindo Mastery
– คาถา Diffindo จะมีโจมตีและทะลุผ่านเป้าหมายไปโดนตัวข้างหลังด้วย
5.Depulso Mastery
– คาถา Depulso จะโจมตีและผลักศัตรูที่อยู่รอบๆเราทั้งหมดออกไป
6.Confringo Mastery
– ไฟจากคาถา Confringo จะชิ่งไปโดนศัตรูรอบๆเป้าหมายด้วย
เลเวล 16
7.Bombarda Mastery
– ระเบิดจะมีรัศมีกว้างให้โดนเป็นกลุ่มมากขึ้น
8.Descendo Mastery
– เมื่อคาถา Descendo จับศัตรูกระแทกพื้น จะเกิดวงสั่นสะเทือนโจมตีศัตรูรอบ ๆ
9.Glacius Mastery
– เมื่อโจมตีใส่ศัตรูที่โดน Glacius แช่แข็ง มันจะระเบิดวงน้ำแข็ง โดนศัตรูรอบ ๆ ด้วย
เลเวล 22
10.Transform Mastery
– ศัตรูจะถูกเปลี่ยนเป็นถังระเบิด ที่ใช้ปาใส่ศัตรูตัวอื่น ๆ ได้ด้วย
สาย Dark Arts – เพิ่มเอฟเฟกต์การโจมตี และทำให้สกิลกลายเป็นศาสตร์มืดทำให้ศัตรูติดสถานะต้องสาป
ไม่มีใครเล่นเกมนี้แล้วไม่อยากเข้าด้านมืด ที่สำคัญด้านมืดเกมนี้ค่อนข้างมีประโยชน์มาก ๆ เพราะมันทำให้คาถาธรรมดาติดสาป ช่วยให้เราจัดการศัตรูได้อย่างอยู่หมัด ถ้าใครเป็นสายบู๊ ชอบลุยแหลก สายนี้ต้องอัพให้ครบ แต่ถ้าจะสละแต้มมาอัพสายนี้ เราต้องไปเรียนคาถาต้องห้ามอย่างพวก Avara Kedavra / Crucio / Imperio ด้วย ถึงจะคุ้มค่า ถ้าใครไม่สนใจสกิลต้องสาปก็ข้ามส่วนบนสุดของสายนี้ไปได้เลย เน้นไปที่ช่วงแรก ๆ เพื่อทำให้ศัตรูติดสาปและตีแรงขึ้นก็เพียงพอ
เลเวล 5
1.Stunning Curse
– การเคาน์เตอร์ด้วย Sputefy จะทำให้ศัตรูติดสาป และศัตรูที่ติดสาปจะโดนโจมตีแรงขึ้น
2.Blood Curse
– การโจมตีใส่ศัตรูที่ติดสาป จะทำให้ศัตรูตัวอื่น ๆ ที่ติดสาปโดนดาเมจไปด้วย
3.Disarming Curse
– คาถา Expelliarmus จะทำให้ศัตรูติดสาป และศัตรูที่ติดสาปจะโดนโจมตีแรงขึ้น
4.Knockback Curse
– คาถา Flipendo จะทำให้ศัตรูติดสาป และศัตรูที่ติดสาปจะโดนโจมตีแรงขึ้น
เลเวล 16
5.Slowing Curse
– คาถา Arresto Momentum จะทำให้ศัตรูติดสาป และศัตรูที่ติดสาปจะโดนโจมตีแรงขึ้น
6.Enduring Curse
– เพิ่มระยะเวลาให้ติดสาปนานขึ้น
7.Crucio Mastery
– การโจมตีใส่ศัตรูที่ติด Crucio จะส่งคำสาปชิ่งไปติดตัวอื่นด้วย
8.Imperio Mastery
– เมื่อศัตรูที่โดนควบคุมผ่าน Imperio โจมตีศัตรูตัวอื่น จะทำให้คำสาปถูกส่งต่อไปด้วย
เลเวล 22
9.Avada Kedavra Mastery
– เมื่อใช้คาถานี้ จะส่งผลให้ศัตรูที่ติดสาปอยู่โดนสังหารทั้งหมด
10.Curse Sapper
– เมื่อสังหารศัตรูที่ติดสาปได้ จะฟื้นฟูเลือดด้วย
สาย Core – เพิ่มความสามารถในการต่อสู้
สายกลางสำหรับการต่อสู้ เพราะจะมีสกิลช่วยโจมตีปกติ และทำให้ใช้ Ancient Magic ได้บ่อยขึ้น รวมไปถึงสกิลในการหลบหลีก เป็นอีกสายที่ควรค่าแก่การอัพให้ครบ และที่จำเป็นจริง ๆ คือการเพิ่มแถบชุดสกิลที่ 2-4 บอกเลยว่าไม่ควรพลาด สายนี้ Must Upgrade ที่แท้จริง
เลเวล 5
1.Ancient Magic Throw Expertise
– เมื่อใช้คาถาปลดอาวุธ จะใช้อาวุธนั้นปาใส่ศัตรูได้ด้วย
2.Spell Knowledge I
– ปลดล็อคแถวสกิลชุดที่ 2
3.Basic Cast Mastery
– การโจมตีปกติจะลดคูลดาวน์ทุกสกิล
4.Protego Absoption
– ถ้าบล็อกการโจมตีด้วย Protego ได้ จะเพิ่มหลอดสีฟ้า (Ancient Magic) และถ้าเป็น Perfect Parry จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก
5.Swift
– การกดปุ่มกลิ้งค้าง จะเป็นการพุ่งได้เร็วและไกลขึ้น
6.Spell Knowledge II
– ปลดล็อคแถวสกิลชุดที่ 3
7.Wiggenweld Potency I
– ยาเพิ่มเลือดจะฟื้นพลังให้เรามากขึ้น
เลเวล 16
8.Revelio Mastery
– คาถา Revelio สแกนหาสิ่งของได้ไกลขึ้น
9.Spell Knowledge III
– ปลดล็อคแถวสกิลชุดที่ 4
10.Basic Cast Airborne Absorption
– โจมตีใส่ศัตรูที่ลอยอยู่ จะเพิ่มหลอดสีฟ้า (Ancient Magic) มากขึ้น
11.Protego Expertise
– ถ้า Perfect Block ต่อเวทย์ของศัตรูได้ จะสะท้อนพลังโจมตีกลับไปหาศัตรู 2 ตัว
12.Evasion Absorption
– การกลิ้งหลบการโจมตีสีแดงจากศัตรู จะช่วยเพิ่มหลอดสีฟ้า (Ancient Magic)
13.Stupefy Master
– ศัตรูจะติดสตั๊น จากการเคาน์เตอร์ด้วย Sputefy นานขึ้น
14.Wiggenweld Potency II
– ยาเพิ่มเลือดจะฟื้นพลังให้มากขึ้นไปอีก
เลเวล 22
15.Protego Mastery
– หาก Perfect Parry จะทำให้เกิดพลังโจมตีรอบตัว ที่ทำลายโล่ศัตรูได้ด้วย
16.Stupify Expertise
– การเคาน์เตอร์ด้วย Sputefy จะสร้างพลังโจมตีเป็นกลุ่ม
สาย Stealth – เน้นลอบเร้นและคาถาล่องหน
ถ้าคุณชอบเล่นสายล่องหน ลอบเร้น ลอบฆ่า ก็จำเป็นต้องอัพ แต่ข้อเสียของสายนี้คือ ตอนลงดันจะใช้ไม่ได้ เพราะมันบังคับสู้ และใช้ one hit kill กับบอส และมอสถึกๆ บางตัวไม่ได้
เลเวล 5
1.Sense of Secrecy I
– หากเราล่องหนอยู่ ศัตรูจะหาตัวเราได้ยากขึ้น
2.Human Demiguise
– ถ้าใช้คาถาล่องหน Disillusionment อยู่ จะสามารถวิ่งได้ด้วย
เลเวล 16
3.Sense of Secrecy II
– หากเราล่องหนอยู่ ศัตรูจะยิ่งหาตัวเรายากขึ้นอีก
เลเวล 22
4.Petrificus Tatalus Mastery
– การลอบโจมตีศัตรู จะเป็นการโจมตีแบบกลุ่ม
สาย Room of Requirement – สายผลิตยา
สำหรับสายนี้ จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำยาที่เราผลิต และไอเทมช่วยเหลือต่าง ๆ ใครที่เล่นเกมนี้ในโหมด Easy หรือ Normal จะบอกว่ามันไม่จำเป็นเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้ยากถึงขั้นต้องใช้น้ำยาช่วย ดังนั้นสายนี้ข้ามได้ก็ข้าม ไปลงสายอื่นดีกว่า
Level 5
1.Edurus Potion Potency
– น้ำยา Edurus จะสะท้อนการโจมตีระยะไกล กลับไปหาศัตรูได้
2.Invisibility Potion Potency
– น้ำยาล่องหน ทำให้ล่องหนได้นานขึ้น
3.Fertiliser
– เมื่อใช้ Chinese Chomping Cabbage จะโยนออกมา 2 ตัว
Level 16
4.Maxima Potion Potency
– เมื่อใช้น้ำยา Maxima จะตีแรงขึ้น และทำลายเกราะศัตรูได้
5.Headache
– ระยะเวลาและดาเมจของแมนเดรคอยู่ได้นานขึ้น
Level 22
6.Thunderbrew Potency
– เมฆา่ยฟ้า ระยะและพลังโจมตี ดีขึ้นมากๆ
7.Focus Potion Potency
– ระยะเวลาของน้ำยาโฟกัส จะอยู่ได้นานขึ้น ถ้ามีการร่ายคาถาแบบต่อเนื่อง
8.Noxious
– Venomous Tentacular จะตีแรงขึ้น และทำลายเกราะศัตรูได้