เกมภาคต่อสุดปั่นจากซีรีส์ The Outer Worlds ที่ภาค 2 นี้ก็ปั่นไม่แพ้กัน
กับการเลือกเส้นทางของเราเอง ผ่านการเล่นและการเลือกตอบคำถาม ที่จะนำทางไปสู่บทสรุปสุดท้ายของเราเอง ในรูปแบบที่เราปูทางมาทั้งหมด
เกมจะมาในแนว FPS เหมือนเดิม
โดยสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อน ก็สามารถโดดมาเล่นภาค 2 เลยได้ ด้วยเนื้อหาที่แยกออกจากภาคแรก
และแทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ทั้ง 2 ภาคนี้ ก็ยังคงอยู่ในจักรวาลเดียวกันนะ

เกริ่นมายืดยาวแล้ว เข้าเรื่องรีวิวของเรากันเลยดีกว่า
ระบบที่ใช้รีวิว : PS5
เนื้อเรื่อง
เราจะเป็นเอเจนต์ ที่โดนส่งมาตรวจสอบ (Rifts) หรือ “รอยแยกของจักรวาล” ที่กำลังส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของจักรวาล
ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งของ 3 ฝ่าย ที่มีแนวคิดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คือ
- The Protectorate รัฐเผด็จการที่ควบคุมทุกอย่างด้วยความรุนแรง
- Auntie’s Choice บริษัทที่อ้างว่าสร้างเสรีภาพให้ผู้คน แต่เบื้องหลังคือนายทุนผูกขาด
- The Order of the Ascendant กลุ่มนักวิทยาศาสตร์หัวรุนแรง ที่สร้างแนวคิดว่ามนุษย์ควร “วิวัฒนาการ”
ความปั่นคือ เราเลือกได้เลย ว่าจะสนับสนุนฝ่ายไหน หรือเป็นศัตรูกับฝ่ายไหน
ซึ่งทุกการเลือกของเรา จะส่งผลต่อปลายทางในทุกตรง
ภาพและเสียง
กราฟิกของเกมนี้ ดูดี แสงเงาและรายละเอียดพื้นผิว ดูสมจริง
สิ่งต่างๆ และสภาพแวดล้อม ดูนอกเหนือจิตนาการ เหมาะกับการที่เราอยู่ต่างดาวในอวกาศ
ตัวละครต่างๆ ทั้งคนและสัตว์ ออกแบบออกมาได้ดี
มีแปลกๆ ผสมมาบ้าง แต่ก็ให้อารมณ์ต่างดาว และทหารอวกาศดี
อนิเมชันและการขยับก็ดูไม่ขัดตา
ระบบเสียงดูดี เอฟเฟคต่างๆ จัดว่าสวย
ดนตรีประกอบมีกลิ่นอายไซไฟ ผสม กับอารมณ์ลึกลับ เข้ากับการจิกกัดแบบฮาๆ ของเกมดี




ระบบต่างๆ
การเล่นหลักๆ ของเกมเลยคือ วิ่งไล่ยิง FPS
ที่เราสามารถปรับมุมมองของเราได้ 3 แบบ ตามที่ถนัดได้เลย คือ
มุมมองที่ 1
มุมมองที่ 3 แบบใกล้
มุมมองที่ 3 แบบไกลออกมาหน่อย
การสร้างตัวละครของเรา เป็นอีก 1 ส่วนที่ผมโคตรชอบเลยคือ เรากำหนดรายละเอียดตัวละครของเราได้แบบโหดมากๆ จะให้ไปในทิศทางเดียวกัน หรือขัดแย้งกันก็ได้
เช่น ให้แขนและขาทั้งหมดเป็นชิ้นส่วนจักรกลได้ อารมณ์ประมาณผ่านเรื่องโหดๆ มาจนแขนขาขาดหมดแล้วอะ จะทำไม

และยังกำหนดประวัติของตัวละครเราได้ด้วย เช่น เป็นนักโทษเก่า
รวมถึงยังใส่ความสามารถติดตัว เช่น เป็นคนความคิดบรรเจิด คิดค้นสิ่งใหม่ๆได้ แถมยังเป็นแฮคเกอร์เจาะระบบได้ และใส่ข้อเสียได้อีก เช่นเป็นคนหัวช้า ตามสถานการณ์ปัจจุบันไม่ค่อยทัน
คืออยากใส่อะไรก็ใส่ ย้อนแย้งกันไปหมดก็ไม่เป็นไร




โดยการกำหนดตัวละครของเราที่ว่ามานี้ มีผลอย่างใหญ่หลวงในการเล่นของเรา เพราะตัวเลือกที่จะเกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง ก็จะเปลี่ยนไปด้วย
เช่น ที่เราเลือกข้อเสียมาว่า ไม่ทันคน บทสนทนาก็จะมีตัวเลือกแบบว่า ไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไรกัน มาให้เรา
หรือเราที่เลือกความสามารถแฮกเกอร์มา ในตอนเล่นบางทีก็จะมีให้เราเลือกแฮคระบบ ซึ่งถ้าเราไม่ได้ใส่ความสามารถนี้มาก็ จะมีตัวเลือกขึ้นเหมือนกัน แต่กดเลือกไม่ได้


ในระหว่างการเล่นยังมีสถานการณ์เฉพาะหน้า เด้งขึ้นมาขัดด้วย เช่น ถ้าเรากระโดดบ่อยๆ เกมจะถามว่า มีโอกาสเข่าเสื่อมนะ จะยอมเข่าเสื่อมไหม เพื่อแลกกับข้อดีและข้อเสียต่างๆที่จะเกิดขึ้น
เกมนี้หลักๆ เลย คือการเดินทางลุยไปข้างหน้าของเรา การทำเควสต์ต่างๆ และการสนทนา
ที่เราทำได้อย่างอิสระ และจะกำหนดทิศทางของเกมได้ สั่งให้คนนั้นคนนี้ออกจากกลุ่มได้ ขโมยของทั้งหมดที่เจอเพื่อเป็นคนเลวก็ได้
หรือเลือกยิงใครทิ้งก็ได้ ยิงได้หมดทั้งตัวละครทั่วไป และตัวละครหลัก ใช่แล้ว ไม่ชอบขี้หน้าใครสอยทิ้งได้หมดไม่ว่าจะเป็นตัวหลักตัวรอง

และที่บอกว่าเกมนี้มี 3 ฝ่ายใหญ่ๆ
ความฮาคือ ถ้าเราเลือกจะเป็นพันธมิตรกับฝ่ายไหน เราสามารถเลือกคุยโน้มน้าวอีกฝ่ายได้ และอาจจบเรื่องได้โดยไม่ต้องสู้ ในขณะที่ถ้าเราเลือกจะเป็นศัตรูกับฝ่ายไหน ในตัวเลือกจะมีให้เราเลือกประมาณว่า “ตรูไม่คุยกับเมิงวะ มาสู้ให้ตายกันไปข้างนึงเลยดีกว่า”
ซึ่งการสร้างตัวละคร การดำเนินเส้นเรื่อง การคิล การตอบคำถาม ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ จะส่งผลไปในตอนท้ายเกมหมดเลย
ทำให้เรากลับมาเล่นซ้ำได้เรื่อยๆ ลองเล่นในแบบที่อยากเล่น
เจอเส้นทางในการเล่นรอบแรกที่ทำไม่ได้ พอเล่นรอบ2เลยอัพสกิลมาเพื่อจะมาลองทำโดยเฉพาะก็ได้
หรือลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำก็ได้ ปั่นจัดๆ
เกมยังใส่ระบบการสร้างของ การรับเพื่อนใหม่เข้าทีม การพัฒนาเพื่อนในทีม และการเรียนรู้สกิลต่างๆในระหว่างเล่นเข้ามาด้วย เสริมความละเอียดอ่อนในเกมเพลย์เข้าไปอีก
ระบบการสำรวจและการต่อสู้ในเกม
พื้นที่ในเกมดูใหญ่ และค่อนข้างหลากหลาย มีดาวต่างๆให้สำรวจ มีดันให้ลง
ในด้านของการต่อสู้ก็มีอาวุธต่างๆ ให้เลือกใช้ได้หลากหลาย ซึ่งลงลึกได้ถึงความถนัดที่เราเลือกมาข้างต้น ทั้งสายปืน สายระเบิด สายประชิด ไปจนถึงสายลอบเล้น
และในทุกครั้งของการสำรวจ เรายังสามารถเอาเพื่อนเข้าทีมได้ครั้งละ 2 คน
โดยเพื่อนของเรานอกจากจะมาคอยช่วยคุย หรือให้คำปรึกษาแล้ว พวกเขายังช่วยเราสู้ได้ด้วย


แต่ก็มีสิ่งที่จุกจิกกวนใจอยู่นิดหน่อย ในแพทซ์ที่ใช้รีวิวนี้
คือในตอนที่เราจะเก็บของ ที่เราต้องเล็งจุดโฟกัสให้โดนของที่เราอยากจะเก็บเป๊ะๆ เพื่อจะเก็บของได้
แตกต่างจากเกมอื่นๆที่เราแค่เดินไปแถวๆของก็เก็บได้เลย
สรุป
โดยรวมจัดว่าสนุก
เกมปั่นๆ ที่จิกกัด และทำให้ฮาได้ตลอดทั้งเกม
เหมาะสำหรับคอเกมที่ชื่นชอบเกมแนวเนื้อเรื่อง ที่เรากำหนดเส้นทางเองได้
และอาจจะดูน่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่ชอบเกมคุยกัน และตอบคำถามเยอะๆ
ให้คะแนนความคุ้นค่า
4 /5 คะแนน
เกม The Outer Worlds 2 เล่นได้ในระบบ Xbox X|S , PS5 และ PC(Steam)