ค่ายเกมแต่ละค่าย แม้จะสร้างฐานแฟนให้ตัวเองได้เยอะมากมาย และมีแต่คนชื่นชอบและสนับสนุน แต่ก็ต้องมีบ้าง ที่บางค่ายทำการกระทำบางอย่างที่ชวนให้ผู้เล่นกำหมัดจนเลือดซิบ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจซื้อ เอาล่ะ 5 เกมที่วา่จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
1.อยากเล่น New Game+ ก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นหน่อย กับ Like a Dragon: Infinite Wealth
เกมล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายกันไปในปี 2024 ก็ทำเอาคนเล่นหลายคนกำหมัดรับต้นปี กับ Yakuza ภาคใหม่ ตะลุยหมู่เกาะฮาวาย แต่ก็ไม่วายโดนดราม่าลงไปพอสมควร เพราะมีการเอาโหมด New Game+ หรือโหมดเริ่มเล่นเกมใหม่จากเซฟเดิมไปไว้หลังกำแพงบัตรเครดิตซะอย่างนั้น โดยหากใครอยากเล่น New Game+ จำเป็นจะต้องซื้อตัวเกมในระดับ Deluxe หรือ Ultimate Edition ขึ้นไป หรือถ้าซื้อแยกก็ต้องจ่ายเพิ่มในราคา 15$ แล้วใครบ้างจะไม่กำหมัดไหว เพราะตัวเกมได้รับคะแนนรีวิวดีทุกอย่าง ยกเว้นส่วนนี้ที่ใครหลายคนต่างก็มองว่า ไม่เวิร์คจริง ๆ กับการกระทำแบบนี้
2.โหมดแคมเปญแสนสั้นของ Call of Duty: Modern Warfare III
เป็นการเอา Modern Warfare มาทำลายชื่อเสียงทิ้งจริง ๆ สำหรับภาคล่าสุดในปี 2023 แม้ว่าจะได้รับคำชมจากโหมด Multiplayer ว่าเป็นภาคที่สนุก เล่นมันส์มาก แต่โหมดเนื้อเรื่องนั้น สั้น และขาดคุณภาพสุด ๆ กลายเป็นโหมดที่พยายามจะขายความเป็น Warzone ทั้ง ๆ ที่ Call of Duty เคยนำเสนอโหมดเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด แถมมันดันใช้ชื่อ Modern Warfare ที่เป็นไตรภาคระดับตำนานด้วย สั้นไม่พอ ยังนำเสนอไม่ดีอีก ตัวเกมจึงโดนสับยับกันไปในส่วนของ Campaign และทำให้แฟน ๆ Call of Duty หงุดหงิดกันไม่น้อย เพราะดันมาทำกับภาคที่พวกเขารักมาก ๆ นั่นเอง
3.มหกรรมต้มเกมเมอร์ครั้งใหญ่กับ The Day Before
ถือเป็นเรื่องราวอึกทึกครึกโครมประจำวงการเกมในปี 2023 ที่ผ่านมา รับท้ายปีกันไป สำหรับเกม The Day Before เกมที่ใครหลายคนจับตามองว่ามันเป็นสุดยอดเกม Scam (หลอกลวง) หรือเปล่า จนท้ายที่สุดตัวเกมวางจำหน่ายในวันที่ 7 ธันวาคม 2023 แต่หลังจากเปิดให้เล่น ตัวเกมก็ได้รับคำวิจารณ์แบบเละเทะไม่มีชิ้นดี ทั้งคอนเทนต์ที่แห้งแล้ง อะไรที่ขายฝันไว้ในตัวอย่าง ล้วนทำไม่ได้จริง ทั้งเกมยังเป็นการเอา Asset มาใส่ ๆ ไว้ แทบไม่มีความเป็นเกมเพลย์ให้ได้เห็น แสบยิ่งกว่านั้นคือ หลังวางจำหน่ายได้ 4 วัน ตัวเกมก็ออกมาปิดบริษัท ยกเลิกการขายไปเลย ทั้ง ๆ ที่มันโปรโมทแบบดิบดีมาโดยตลอด งานนี้ทำเอาเกมเมอร์หลายคนกำหมัดไปหลายคน เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการหลอกลวงพวกเขาดี ๆ นี่เอง
4.ประกาศยกเลิก Hero Mode ของ Overwatch 2
อีกหนึ่งวีรกรรมที่ทำเอาแฟน ๆ เกมนี้กำหมัดกันทั่วโลก หนีไม่พ้นการที่ตัวเกม Overwatch 2 ออกมายกเลิกการพัฒนา Hero Mode หรือเอาให้เข้าใจง่าย ๆ มันก็คือโหมด Story Mission ของตัวเกมนี้ ที่จะนำเสนอในรูปแบบของเกม Co-op ตะลุยด่านในสไตล์ Left 4 Dead แต่ให้เราสวมบทบาทฮีโร่ Overwatch แทน ที่ทำให้คนกำหมัดอย่างหนัก ก็เพราะว่าในตอนแรกนั้น Overwatch ภาคแรก ถูกยกเลิกการไปต่อด้วยสาเหตุนี้ พวกเขาตั้งใจจะชูโรง Hero Mode ให้เป็นสุดยอดโหมดในภาค 2 ควบคู่ไปกับระบบ PvP แต่อยู่ดี ๆ กลับมายกเลิก ทั้งที่หลายอย่างของมันดูน่าสนใจ และ Core Gameplay ของภาค 2 ที่เปลี่ยนไปมาก ทำให้แฟน ๆ รู้สึกว่าโดนหักหลังที่ทีมพัฒนาเลือกจะทำแบบนี้ ซึ่งทุกครั้งทีมีการพูดถึงเกมที่ผู้พัฒนาทำให้ผู้เล่นกำหมัดที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นเกมนี้แน่นอน
5.ใช้ AI ในการทำเสียงผู้บรรยายในเกม The Finals
แม้ปัจจุบัน คนจะเริ่มยอมรับ AI กันมากขึ้นแล้ว แต่ในวงการเกมเองยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกไม่ชอบใจที่ใช้ AI เข้ามาทำงาน และเกมล่าสุดที่โดนกระแสต่อต้านไปหนักพอสมควรก็คือ The Finals เกมยิง Competitive ที่มาเขย่าวงการเกมไปเมื่อปลายปี 2023 และแม้ระบบเกมเพลย์จะออกมาดี และได้รับคำชมมากมาย แต่กลับได้รับคำครหาในเรื่องของการใช้ AI ในการให้เสียงผู้บรรยายการแข่งขันของเกม ที่ตอนแรกก็ดูจะไม่มีอะไร นั่นเพราะ ไม่มีใครจับได้ นั่นเอง จนกระทั่งทางผู้พัฒนาเป็นผู้ออกมายอมรับด้วยตัวเอง ว่าใช้จริง ๆ ก็ทำให้ทัวร์ลงกันไปตามระเบียบ แต่ในกรณีนี้ หลายคนก็ออกมาปกป้องว่า คำบรรยายในเกมก็ดูไม่ได้แย่อะไร แถม Core Gameplay ก็ทำได้ดีมากอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีนั่นเอง