รีวิว Voyagers of Nera – ผจญภัยไปในคาบสมุทรอันกว้างใหญ่และระบบการเล่นสุดเพลิดเพลินและโดดเด่น

เนื้อเรื่อง

สำหรับเนื้อเรื่องของเกมนี้ ว่าด้วยเรื่องงราวของตัวละครเอกของเราที่ได้รับการติดต่อจากเหล่าภูติแห่งท้องทะเล และตอนนี้คาบสมุทรที่พวกเราอาศัยอยู่กำลังโดนรุกรานจากสิ่งมีชีวิตปริศนา เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและหมู่เกาะต่าง ๆ เราในฐานะบุตรแห่งท้องทะเลจะได้ทำงานร่วมกันกับเหล่าภูติวิญญาณในการกอบกู้พื้นที่แห่งนี้

ถือเป็นเกมแนว Survival Crafting ที่จริงจังกับเนื้อเรื่องขึ้นมาหน่อย แต่ใครจะอ่าน หรือไม่อ่านก็ได้ เพราะเอาจริง ๆ แล้วเกมก็ไม่ได้โฟกัสไปที่เนื้อเรื่องมากขนาดนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็น Text Message ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ใครอยากอ่านเพื่อซึมซับหรืออินมากยิ่งขึ้นก็ได้ แต่ไม่อ่านก็ไม่เป็นไร

ระบบสร้างบ้าน และเหล่าภูติวิญญาณสนับสนุน

เริ่มกันที่ระบบแรกก่อนเลย สำหรับระบบนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานและเป็นระบบแรก ๆ ที่เกมจะสอนตั้งแต่เริ่มคือระบบสร้างบ้านและภูติวิญญาณสนับสนุน ซึ่งสองระบบนี้จะเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน โดยเริ่มจาก Spirit Anchor หรือแท่นวิญญาณ ที่เมื่อเราตั้งแล้วจะปลดล็อคการสื่อสารกับเหล่าภูติวิญญาณ รวมไปถึงเป็นศูนย์กลางขอบเขตของบ้านเราด้วย แต่เอาจริง ๆ แล้วเกมนี้เราจะสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างตรงไหนก็ได้ เกมไม่ได้มีข้อบังคับใด ๆ

ระบบบ้านของเกมนี้จะถูกออกแบบมาให้เข้าถึงและสร้างได้ง่าย ดังนั้นไม่ต้องมีเพื่อนเล่นด้วยเยอะก็สามารถสร้างและออกแบบบ้านในฝันได้ การสร้างบ้านของเกมนี้จะใช้วิธีเข้าสู่ Build Mode จากนั้นสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ จะแสดงขึ้นมา และแบ่งเป็นหมวดหมู่ว่าเราสามารถสร้างอะไรได้บ้าง เมื่อเลือกแล้ว เกมจะมีเมนูเสริมให้เราเลือกว่าจะใช้งาน Free Mode และ Auto Build สำหรับ Free Mode นั้น ผู้เล่นจะเป็นคนเลือกเองว่าจะวางวัตถุลงบนจุดใดได้อย่างอิสระ ถ้าปิดเอาไว้ ระบบจะพยายามวางให้ตรงตามตาราง Grid ที่ขึ้นมา

ส่วน Auto Build เกมนี้จะทำงานคล้ายกับเกมอื่น ๆ ก็คือ ถ้าเราเลือกปิด Auto Build เวลาที่เราวางพิมพ์เขียว มันจะยังไม่สร้างของชิ้นนั้นให้ในทันที เราต้องกดใส่วัตถุดิบเข้าไปเอง แต่ถ้าตัวเรามีวัตถุดิบนั้นเพียงพออยู่แล้ว มันจะหักไอเทมในตัวเรา และสร้างเป็นวัตถุของชิ้นนั้นให้เลย ดังนั้นใครสะดวกแบบไหนก็แล้วแต่ แต่คำนวณจำนวนไอเทมในตัวกันเอาเอง ทั้งสองวิธีทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการสร้างและออกแบบบ้าน รวมไปถึงวางวัตถุต่าง ๆ ของตัวเอง

ต่อมาที่ระบบภูติวิญญาณ ระบบนี้จะสำคัญกับเรามาก ๆ เพราะมันคือระบบบัฟที่ทำให้เรามีความสามารถในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยการจะได้มันมา เราจะต้องไปกดคุยที่ Spirit Anchor หรือแท่นวิญญาณ แล้วมันจะบอกว่ามีวิญญาณตัวไหนอยู่ตรงไหน และเราต้องไปยังพื้นที่นั้น ต่อสู้กับมอนสเตอร์และพาตัวกลับมา ซึ่งเราก็จะสามารถติดตั้งสกิลได้ที่แท่นวิญญาณนั่นเอง

ระบบการต่อสู้ ระบบอาหาร และการเดินทางทางน้ำ

Voyagers of Nera เป็นเกมที่เน้นการต่อสู้และใช้ชีวิตทางน้ำก็จริง แต่ทุกครั้งที่เราต้องขึ้นไปบนหมู่เกาะ การต่อสู้จะเปลี่ยนเป็นเกม Action RPG ทั่วไป และมีระบบ Stamina ด้วย การเก็บเลเวลในช่วงแรกนั้น จะได้มาจากการที่เราสร้างสิ่งของ ปราบมอนสเตอร์ หรือไปช่วยเหลือภูติวิญญาณกลับมาได้สำเร็จ และเมื่อเลเวลอัป เราจะได้แต้ม Knowledge Point มาปลดล็อคสูตรคราฟท์ต่าง ๆ แต่ถ้าแต้มไม่พอ ในเกมจะมีเสาหินโบราณให้ไปคุยเพิ่ม ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทั้งแผนที่ในเกม

ด้วยความที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกมเป็นหมู่เกาะและพื้นที่ทางน้ำ ดังนั้นยานพาหนะที่จำเป็นของเราในเกมนี้เลยก็คือ “เรือ” โดยเกมนี้พาหนะทางน้ำจะแบ่งออกเป็นเรือลำใหญ่ ที่เคลื่อนที่ได้ช้า แต่แลกกับการมีช่องเก็บของแบบพกพา ทำให้เวลาเราไปเจอทรัพยากรบนหมู่เกาะอื่น ๆ เราสามารถนำมันมายัดใส่เรือไว้ก่อนได้ แต่ข้อเสียคือเป็นเป้าโจมตีให้กับพวกปลาอสูรทะเล ทำให้เราเตรียมเวลาและทรัพยากรบางส่วนมาสร้างอุปกรณ์ซ่อมเรือด้วย และในขณะเดียวกัน ระบบการขับเรือของเกมนี้ก็ถือว่ายุ่งยากไปหน่อย เพราะผู้เล่นจะต้องเร่งคันเร่งที่ส่วนหน้าเรือ แล้วหันมาควบคุมทิศทางด้วยหางเสือเรือที่ท้ายเรือ ถ้าเล่นกัน 2 คนขึ้นไป อาจจะไม่ยากมาก แต่ถ้าเล่นคนเดียว จะมือพันกันเล็กน้อย

ยานพาหนะอีกประเภทนอกจากเรือลำใหญ่ก็คือเซิร์ฟบอร์ด ข้อดีคือเร็วกว่าเรือใหญ่มาก แต่ข้อเสียคือเราจะไม่สามารถมีช่องเก็บของพกพาได้ ดังนั้นการเลือกออกสำรวจด้วยเรือใหญ่และเซิร์ฟบอร์ด จึงเป็นทางเลือกของผู้เล่น และไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็สนุกทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และตัวเลือกของเรา

สำหรับการต่อสู้ อาวุธที่เราต้องใช้งานหลัก ๆ จะเป็นหอก และธนู เพราะถ้าใช้อาวุธทุบทั่วไป เมื่อเราลงน้ำจะไม่สามารถหวดโจมตีได้ ทำให้เราล่าปลา และเก็บวัตถุดิบสำคัญจากปลาไม่ได้เลย ดังนั้นแนะนำว่าให้ทำหอกติดตัวไว้ และการต่อสู้ของเกมนี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แม้จะเป็นศัตรูระดับมินิบอส หรือ Elite แต่แค่เรากลิ้งลบให้ถูกจังหวะ เราก็สามารถหลบพ้นการโจมตีได้แล้ว ส่วนธนูจะใช้ได้ผลในการยิงปลาจากบนเรือด้วย และการที่เราออกตามล่าหาภูติวิญญาณ บางตัวจะมอบสกิลต่อสู้ให้กับเราด้วย และยังมีสกิลสนับสนุนบางประเภทที่ทำให้เกมเล่นง่ายขึ้นด้วย

และท้ายที่สุดกับระบบอาหาร อีกหนึ่งระบบสำคัญของการเล่น เพราะเกมนี้ถ้าไม่กินอาหาร ผู้เล่นจะลำบากมาก ๆ แต่อาหารแต่ละประเภทจะบัฟค่าสถานะต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน โดยจะแบ่งเป็นบัฟพลังชีวิต บัฟ Stamina และบัฟหลอดอากาศสำหรับหายใจใต้น้ำ ดังนั้นเกมนี้การเลือกปรุงอาหารให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เรากำลังจะไปเล่นหรือไปลุยจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ และต้องกินอาหารก่อนออกไปสู้หรือสำรวจทุกครั้ง เพื่อให้การเล่นราบรื่นที่สุด

เป้าหมายหลักของเกม

ความคืบหน้าของเกมนี้มีหลายอย่าง แต่ที่สำคัญอย่างแรกคือเลเวลตัวละคร เพราะเลเวลตัวละครจะปลดล็อคสูตรคราฟท์ของใหม่ ๆ ทำให้เราสามารถสร้างสิ่งของใหม่ ๆ ได้ และทำให้การผจญภัยราบรื่นขึ้น วิธีการเก็บเลเวลก็คือการคราฟท์ของ การปราบมอนสเตอร์ โดยเฉพาะการรวบรวม Elder Spirit หรือวิญญาณทรงอำนาจ ที่เราจะต้องประกอบเรือหรือเซิร์ฟบอร์ดข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังจุดที่ระบุ สู้กับมอนสเตอร์ประเภท Elite และชิงวิญญาณกลับคืนมา

เมื่อเราได้พลังวิญญาณกลับมาแล้ว เราจะสามารถสร้างสิ่งของต่าง ๆ เพิ่มขึ้นได้ เช่น Manaforge ที่ใช้ในการผลิตสิ่งของประเภทเวทมนตร์หรืออุปกรณ์ระดับสูง และเมื่อเรารวบรวมเหล่าวิญญาณครบ เราก็จะต้องย้ายพื้นที่ไปตั้งหลักที่ภูมิภาคใหม่ ซึ่งนี่แหละปัญหา เพราะตอนนี้ปัญหาของเกมคือพื้นที่ในการเดินทางมันกว้างใหญ่เกินไป ในขระที่เราเดินทางได้ช้ามาก และแหล่งทรัพยากรจะชอบไปอยู่ในพื้นที่ไกล ๆ เสมอ ทำให้เราต้องเหนื่อยกับการเดินทางไม่ต่างจากการต่อสู้

เนื่องจากตอนนี้เกมยังอยู่ในช่วง Early Access จึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่ใน Roadmap การพัฒนา และยังไม่มีจุดสิ้นสุดของเกมโดยแท้จริง อาจจะต้องทำการรออัปเดตกันไปในอนาคต ว่าจุดหมายหลักของเกมคืออะไรกันแน่ โดยตอนนี้ตัวเกม Voyagers of Nera วางขายแล้วบนระบบ PC (Steam)

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ

Facebook
Twitter
VK

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Follow us

Scroll to Top