เปิดตำนาน โปเกมอน ซีรีส์ขวัญใจชาวโลกที่มีอายุกว่า 25 ปี !

โปเกมอน เอ่ยชื่อนี้ไป มีใครบ้างที่ไม่รู้จัก มันคืออีกหนึ่งแฟรนไชส์ระดับตำนานของญี่ปุ่น แถมอยู่คู่แฟน ๆ ชาวไทยมาเป็นเวลานาน สมัยก่อนหากเอ่ยถึงชื่อการ์ตูน ก็ต้องมีโปเกมอนอยู่ในรายชื่อการ์ตูนในความทรงจำ ทุกคนคงโตมากับซาโตชิ พิคาชู คาสึมิ ทาเคชิเป็นแน่แท้ แต่โปเกมอนนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร มันยิ่งใหญ่ระดับไหน เราลองย้อนไปดูจุดกำเนิดของซีรีส์นี้กัน

แนวคิดแรกเริ่มของ Pokemon นั้น เริ่มต้นจาก Satoshi Tajiri (ซาโตชิ ทาจิริ) ตัวของทาจิรินั้น เติบโตในเมืองมาชิดะ ที่เป็นชานเมืองของโตเกียว และในวัยเด็ก เขาและเพื่อน ๆ สนุกกับการจับแมลงและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กตัวอื่น ๆ ทั้งในสระน้ำ หรือตามทุ่งต่าง ๆ กลายเป็นความสนุกและความทรงจำในวัยเด็กของเขา

จนกระทั่งความเจริญได้เข้ามายังเมืองของเขา ในตอนนั้นก็มีร้านเกม Arcade เข้ามาเปิดให้บริการในโซนเมืองของเขาด้วย จึงเริ่มสนใจวิดีโอเกมมากขึ้น และในขณะที่เขาเรียนวิศวกรรมไฟฟ้า เขาก็เริ่มตีพิมพ์นิตยสารของตัวเองในชื่อ Game Freak (ที่เป็นตำนานในเวลาต่อมา)

สตูดิโอ Game Freak เริ่มก่อตั้งขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในปี 1986 และเริ่มต้นจากการพัฒนาเกมไขปริศนาเล็ก ๆ แต่ในตอนนั้นพวกเขาก็ขาดบุคลากรที่มีความสามารถในการแต่งเพลง จนไปคว้าตัวจุนอิจิ มาสึดะมาเป็นนักประพันธ์เพลงได้ และพวกเขาก็จดทะเบียน Game Freak Co, LTD ได้สำเร็จในปี 1989

ไอเดียแรกเริ่มของโปเกมอนนั้น เริ่มมาจากการที่ Nintendo ได้ประกาศเปิดตัวเครื่องคอนโซล Game Boy แบบพกพา และมีสายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ ทำให้เกมสองเครื่องลิงค์ข้อมูลถึงกัน

ตอนนั้นทาจิริหวนนึกถึงตอนที่เขาเล่น Dragon Quest II ที่ไอเทมในเกมนั้นหายากมาก ๆ แถมสุ่มไปมาอีกต่างหาก ในขณะที่เพื่อนเขาเจอไอเทมหายากถึงสองครั้ง เขาเลยอยากให้มันมีการแลกเปลี่ยนถ่ายโอนข้อมูลกันได้ บวกกับประสบการณ์วัยเด็กที่ชอบเล่นการจับสัตว์แมลงมาผสมกัน เกิดเป็นการสะสมมอนสเตอร์มาแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้เล่น นี่แหละคือไอเดียเริ่มต้นของ “โปเกมอน”

เมื่อไอเดียตั้งต้นเริ่มเห็นภาพความเป็นจริง จึงวางคอนเซปต์ให้มันเหมาะกับเครื่องเกมบอย นั่นคือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่จับมา จะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นอื่นได้ โดยเก็บสะสมไว้ในรูปแบบของแคปซูลหรือมอนสเตอร์บอลที่เรารู้จักกันดี เมื่อจะนำมันออกมาต่อสู้ก็ขว้างออกมา มันจะมีขนาดตัวเท่าปกติ แต่เมื่อไม่ใช้ หรือสู้เสร็จ ก็นำกลับเข้าแคปซูลไป ผสมผสานกับดีไซน์การออกแบบไข่กาชาปอง จึงออกมาเป็น Monster Ball หรือ Pokeball ที่เรารู้จักกันดี

ซึ่งกว่าจะได้นำเสนอไอเดีย ได้สร้างกันเป็นเกมภาคแรกจริง ๆ ขึ้นมา ก็ล่วงเลยไปอีกหลายปี จนกระทั่งปี 1996 โปเกมอนสองภาคแรก Red และ Green ก็ออกวางจำหน่าย

Nintendo ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย สำหรับยอดขายของเกมอย่าง Pokemon (หรือชื่อตอนนั้น Pocket Monster) ภาค Red และ Green แถมสื่อวงการเกมส่วนใหญ่ก็แทบจะเมินเกมนี้ไปโดยสิ้นเชิง แต่เพราะตอนนั้น เกมบอยมีราคาที่ย่อมเยาว์ ทำให้มันเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะตอนนั้น มีการสร้าง Game Boy Pocket ขึ้นมา หลายคนเชื่อว่า เพื่อโปรโมท Pokemon แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

แน่นอนว่า ยอดขายนั้น เติบโตผิดคาด ทำให้ทาง Game Freak ต้องจ้างบุคลากรใหม่เพิ่มเป็นจำนวนมาก และพวกเขาต้องศึกษาข้อผิดพลาดจากภาค Red & Green มาแก้ไขบั๊กต่าง ๆ และตอนนั้นตัวเกมก็มีเวอร์ชั่นพิเศษขึ้นมา นั่นคือ Pokemon Blue

สำหรับ Pokemon Blue นั้นไม่ได้ทำมาเพื่อขาย แต่ทำมาเพื่อเป็นของขวัญขอบคุณแฟนเกม แต่หลังจากทาง Nintendo มารู้ไอเดียนี้เขา พวกเขาก็ได้รับการผลักดันให้ทำเกมนี้เป็นเกม Official ซะเลย แต่ตอนแรกประธาน Nintendo ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เพราะกลัวแฟน ๆ จะสับสน คิดว่าเป็นเกมใหม่ทั้งที่ไม่ใช่

ซึ่งก็มีการประชุมหาทางออกร่วมกัน จึงเลือกที่จะประกาศต่อแฟน ๆ ว่า Pokemon Blue ไม่ใช่เกมใหม่ แต่จะเป็นเกมรุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัด เพื่อเฉลิมฉลองที่ Red และ Green ขายดิบขายดี

จากความสำเร็จของ Pokemon Red & Green (และ Blue) ทำให้ทาง Nintendo และ Game Freak ตัดสินใจต่อยอดด้วยการพัฒนาสินค้าเสริมต่าง ๆ เริ่มจาก TCG หรือ Trading Card Game ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Magic: The Gathering

สำหรับการ์ดโปเกมอนนั้น เปิดตัวครั้งแรกในปี 1996 พร้อม ๆ กับการประกาศเปิดตัว Pokemon Blue โดยตอนแรกมีเพียงแค่การ์ด Jigglypuff (ปูริน) และ Pikachu (พิคาชู) แต่การ์ดที่แจกดันฮิตถล่มทลายขึ้นมา ทำให้มีการผลิตการ์ดชุดแรกตามออกมา พร้อมด้วยบูสเตอร์แพคที่มีการ์ด 10 ใบ และส่วนเสริมต่าง ๆ คราวนี้มันฮิตยอดนิยมไปจนถึงนอกประเทศญีปุ่่น กลายเป็น Trading Card Game ยอดนิยมขึ้นมาทันที

และต่อจาก Trading Card Game สิ่งต่อมาที่เป็นอมตะไม่แพ้กันก็คือ อนิเมะ โดยในช่วงเดือนสิงหาคม 1996 ทาง Kubo ของ Nintendo นั้น เชื่อมั่นในศักยภาพของ Nintendo มาก ๆ และเชื่อว่าควรส่งให้ทาง Shogakukan พิจารณาในการสร้างอนิเมะ Pocket Monster แต่ทาง Nintendo เองก็ลังเลอีกเช่นกัน เพราะคิดว่าถ้ามันออกมาแย่ มันจะส่งผลเสียต่อยอดขายเกมโดยตรง

รวมไปถึงหนึ่งในผู้ออกแบบบางคนก็คิดว่า มันเป็นการเร่งยอดขายมากเกินไป จนหลายคนอาจจะคิดว่าหิวเงินนั่นเอง เพราะตอนนั้นเดิมพันค่อนข้างสูง Game Freak กำลังเดินหน้าทำ Pokemon Gold & Silver อยู่ด้วย ถ้าอนิเมะออกมาล้มเหลว รับรองว่าฐานแฟนหายยับ

แต่ท้ายที่สุด Kubo ก็แก้ปัญหานี้ได้ แต่ก็ต้องมีการลงทุนที่สูงมาก ๆ ตอนนั้น Shogakukan ได้จ้าง Oriental Light & Magic (OLM) ให้มาผลิตซีรีส์อนิเมะออกฉาย โดยรวมทีมมือเขียนบท 5 คน และมือเขียนบทรองอีก 2 คน และเริ่มจัดตั้งทีมผลิตอนิเมะ และมีการปรึกษาหารือกันอีกมากมาย เช่น โปเกมอนควรจะพูดได้หรือไม่ได้ และถ้าพูดไม่ได้ จะสื่อสารกันอย่างไร

ผลสรุปจึงออกมาที่ว่า โปเกมอนนั้นจะพูดไม่ได้ แต่ก็จะมีบางตัวที่พูดได้ด้วย (ยกตัวเช่นเนียส) และคิดว่าโปเกมอนก็เหมือนสัตว์ สามารถสื่อสารกันเข้าใจได้ และให้เสียงร้องของพวกมันเป็นเสียงเรียกชื่อตัวเองซ้ำ ๆ ในหลาย ๆ ระดับเสียง หลังผ่านการผลักดันต่าง ๆ Pocket Monster ฉบับอนิเมะก็ออกอากาศครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายน 1998 แน่นอนว่ามันฮิตระเบิดและถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายในอีกหลาย ๆ ประเทศ

และนับจากปี 1996 เป็นต้นมา Pokemon ก็กลายเป็นสุดยอดแฟรนไชส์ที่ทำให้ Game Freak โด่งดัง รวมไปถึงกลายเป็นไอพีหลักของ Nintendo ที่ยังมีภาคใหม่ตามออกมาจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จอย่างสูง และนี่แหละ คือที่มาของเหล่า Pokemon เหล่ามอนสเตอร์แสนน่ารักที่ครองใจแฟนเกมมาทั่วโลก

เล่นเกมกันให้สนุก
ถ้ามีอะไรอยากบอก Thai Gamers ก็คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลยยยยยยยย

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ

Facebook
Twitter
VK

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Follow us

Scroll to Top