เกม Street Fighter 6 ออกมาตั้งแต่ปี 2023
โดยที่ก่อนหน้านี้ เกมได้ลงบนระบบต่างๆ ทั้ง PS , Xbox และ Steam
ซึ่งการมาของ Switch 2 ก็เป็นโอกาสดี ที่ชาว Nintendo Switch จะได้เล่น ได้เข้าสู่สังเวียนถนนนักสู้กับเขาสักที !
ซึ่งในรีวิวนี้ เราจะมาพูดถึงทั้งระบบต่างๆ ในเกม Street Fighter 6
และสิ่งที่ Switch 2 ทำได้กัน ว่าจะเหมือน หรือแตกต่างจากระบบอื่นๆ ยังไง
พร้อมแล้วมาเริ่มกันลยยย !!!
ขอพูดเรื่องความเหมือนและแตกต่างจากระบบอื่นๆ ก่อนเลย
การที่เกม Street Fighter 6 ได้มาลงในระบบ Switch 2 ที่สเปคของเครื่องได้พัฒนาขึ้นแล้ว
โดยรวมๆ แล้ว ก็ถือว่าเกมทำออกมาได้ดีมากๆ
งานภาพจัดว่าเด็ด สีสันฉูดฉาด สวยงาม คงเดิมครบๆ
การเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ลื่นไหล ตอบสนองได้ดี
โหมดต่างๆ ก็มาครบ ทั้งโหมดสร้าง โหมดสู้
จะมีรู้สึกขัดๆ หน่อย ก็ตรงการบังคับตัวละครออกท่าคอมโบต่างๆ ตอนสู้นี่แหละ
ไม่ใช่เป็นที่เกมนะ แต่เป็นที่จอยคอนของเครื่อง Switch 2 เอง
คนอื่นรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า จอยคอนมันดูบอบบาง ไม่ค่อยกล้า ไม่ค่อยมั่นใจที่จะออกท่า
แถมตรงจอยโยกก็ดูเล็กไป ควงคอมโบไม่ค่อยถนัด จนถึงขั้นต้องไปสอยจอยโปรมาเพิ่มแทน เพื่อใช้แก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ 5555+
อ่อ แล้วก็มีโหมดเฉพาะของ Switch 2 ด้วย
คือโหมด Gyro Battle ให้เราได้เหวี่ยงจอยในการต่อสู้
และโหมด Calorie Contest ที่เหวี่ยงจอยเหมือนกัน แต่อันนี้เน้นไปที่การออกกำลังกายผลาญพลังงานแคลอรี่
ทั้ง 2 โหมดนี้ก็ดูแปลกดี เล่นกับเพื่อนก็สนุกไปอีกแบบ !!
และแน่นอน มีโหมด Amiibo ด้วย !!!
ให้เราได้แสกน Amiibo เพื่อรับของต่างๆ
โดยภาพรวมของเกม Street Fighter 6 บน Switch 2 ส่วนตัวคิดว่า ดีมากๆๆๆ ไร้ที่ติ ดีในแบบที่ไม่แตกต่างจากในระบบอื่นๆเลย
ชาว Switch 2 ที่ยังลังเลอยู่ว่า เขาจะทำออกมาได้ดีไหม
ตอบให้ตรงนี้เลยว่า ดี สอยได้ เข้าร่วมศึกถนนนักสู้กันเลย !!! (แต่มีจอยโปรด้วยก็ดี ถ้ารู้สึกไม่ถนัดเหมือนผม 555+)
มาต่อกันที่รีวิวในส่วนของตัวเกม
สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่นเกมนี้ และไม่รู้ว่าในเกมเราทำอะไรได้บ้าง มาๆ จะเล่าให้ฟัง
เกมนี้ใช้ตัวละครหลัก ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทั้งจากซีรีส์ Street Fighter เอง และจาก ซีรีส์ Final Fight
และยังมีนักสู้จากเกมซีรีส์อื่นแจมมาด้วย ทำให้เราสามารถเลือกเล่นเลือกสู้ตามถนัดได้อย่างหลากหลาย
ระบบหลักของเกมคือการต่อสู้
ซึ่งนั่นคือ เราจะได้ต่อสูู้ ได้ซัดกับคนอื่นๆ
ออกท่าทาง ใส่คอมโบ เตะ ต่อย ปล่อยพลัง
ชิงจังหวะ ชิงไหวชิงพลิบ เพื่อทำให้อีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น นอนคุยกับรากมะม่วง
โดยในส่วนของการซัดกัน หลัก ๆ ก็ยัง ดุเดือด ดุดัน เหมือนเกมภาคก่อนๆ
จะแตกต่างกันนิดหน่อยก็คือ ระบบที่ถูกพัฒนาและเพิ่มเข้ามาในเกมภาคนี้
และก็ถือว่าได้กลายเป็นจุดเด่นจุดขายหลัก ของเกมภาคนี้ไปเลย นั่นคือ ระบบ Drive
ระบบ Drive คือ ค่าพลังสะสม หลอดเขียวๆ ด้านล่างของหลอด HP
ที่เอาไว้ออกท่าต่างๆ
ซึ่งจะมีผลมากๆ และเป็นตัวชี้วัดชัยชนะได้เลย ถ้าใช้ได้ถูกจังหวะ และบริหารค่า Drive ได้อย่างเหมาะสม
เพราะทำได้ทั้ง บุกทะลวงโจมตีแบบที่ขัดขวางไม่ได้ ยังไงก็โดน
หรือ รอ Parry โต้กลับแก้เกม และยังต่อยอดไปเป็นคอมโบอื่นๆ ได้อีกมากมาย
นอกจากระบบ Drive แล้ว ในเกมก็ยังใส่การต่อสู้พื้นฐานมาให้แบบครบๆ
ทั้งการโจมตีธรรมตาที่มีความแรง 3 ระดับ คือ เบา กลาง แรง
การออกท่าประจำตัวบางท่า เช่น โชริวเคน ที่ก็มีความแรง 3 ระดับเหมือนกัน
และยังมีการใช้ท่าไม้ตายประจำตัว ที่ก็มีความแรง 3 ระดับเช่นกัน
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานั้น ทำให้การต่อสู้ 1 แมทซ์ โคตรเดือดดดดดด
ประมาทไม่ได้เลย อารมณ์แบบได้เปรียบมาตลอด แต่โดนชิงจังหวะกลับได้นิดนึง เสียเปรียบเฉย และแพ้ได้เลย !!!!
สำหรับมือใหม่ ก็ไม่ต้องกลัว เพราะข้อมูลต่างๆ ที่ว่ามานี้ จะมีสอนและให้เราได้ลองทำดูทั้งหมดในเกม ดังนั้น มั่นใจไว้ ก้าวเท้าเข้าสังเวียนได้เลย !
โหมดต่างๆ ของเกม
ในเกม มีโหมดหลักๆให้เราเล่นอยู่ 3 โหมด คือ
- World Tour
- Battle Hub
- Fighting Ground
ซึ่งแต่ละโหมดจะมีรายละเอียดดังนี้
โหมด World Tour
โหมดนี้จะให้เราได้สร้างตัวละครของเราเอง และเข้าไปเรียนรู้ระบบต่างๆ ไปฝึกฝนการต่อสู้ การใช้ท่า ใช้คอมโบ
ผ่านการเดินทางในเมือง และขึ้นเครื่องไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ได้ไปเป็นลูกศิษย์ของนักสู้คนหลักๆในเกม ได้เรียนรู้ท่าต่างๆ และเอามาผสมกันเป็นท่าหลัก และคอมโบของตัวเอง
จะเรียกว่าเป็นโหมดที่ทำมาให้สำหรับมือใหม่ก็ได้
เพราะเราจะได้ฝึก ได้ลองทำทุกอย่าง ที่ควรทำและควรรู้ในเกม จากโหมดนี้เลย
โดยเริ่มเกมมา เราจะได้แต่งตัวละครของเราเองก่อนด้วย
สามารถแต่งได้ค่อนข้างลึกเลย หน้าตา ส่วนสูง รูปร่าง กล้ามเนื้อ
เรียกว่า เริ่มมาก็ใช้เวลาตรงนี้ได้เป็น ชม.ๆ แล้ว ฮาาา
และเรายังสามารถปลดล็อคชุดสวมใส่ เครื่องประดับต่างๆ ได้ในระหว่างเรียนรู้การต่อสู้ด้วย
ใช้ชุดเครื่องแต่งกาย สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ตัวละครของเราโดดเด่น ดูดี ขึ้นมาได้อีกเยอะเลย
การเล่นในโหมดนี้ ก็กึ่งๆ เกมแนว Open World เพราะเราสามารถท้าสู้กับตัวละครที่เราเจอในเกมได้แทบทุกคน ชนะได้รางวัล
มีทำลายกล่องและวัตถุต่างๆระหว่างทางได้เพื่อเก็บของ และก็ยังมีศัตรูเข้ามาโจมตี และมาท้าสู้เราระหว่างทาง มีมินิเกมต่างๆให้เล่น มีเควสต์ให้ทำ
ที่เจ๋งสุดๆ คือ ในโหมดนี้จะมีเควสต์สอนเทคนิคต่างๆ ในการสู้ และให้เราได้ลองทำเพื่อผ่านเควสต์ด้วย
เรียกได้ว่า เล่นโหมดนี้จบ เก่งขึ้นแน่นอน !!
โหมด Battle Hub
เป็นโหมดที่ผู้เล่นทั่วโลกมารวมตัวกัน
โดยใช้ตัวละครที่สร้างกันมา จากโหมด World Tour เข้ามานั่งเล่น พูดคุย ท้าต่อย
สามารถประลองฝีมือกับนักสู้คนอื่นๆทั่วโลกได้ ชนะก็โอเค แพ้ก็หัวร้อนกันฉ่าๆ
หรือสายชิล ไม่อยากสู้ จะเข้าไปเล่นเกมตู้ เล่นมินิเกมต่างๆ เช่น กัปตันคอมมานโด
แต่งตัวละคร และอื่นๆ ได้ด้วย
**โดยบน Switch 2 จะเข้าโหมดนี้ เราต้องใช้ระบบออนไลน์ของ Nintendo Switch Online ด้วย
โหมด Fighting Ground
โหมดนี้เป็นโหมดหลักของเกมเลย เพราะเป็นโหมดที่มีแต่การต่อสู้ล้วนๆ มีทั้งเทรนนิ่ง ระบบฝึกสอน ลองใช้ท่า
ระบบเนื้อเรื่องแบบที่ไม่ใช่เนื้อเรื่อง เพราะซัดกันอย่างเดียว
ระบบที่ได้สู้กับคนอื่นแบบ 1-1 หรือ สู้แบบทีม
และยังมีแบบซัดกับเพื่อนแบบ Local หรือ ซัดกับคนอื่นทั่วโลกแบบออนไลน์
รวมถึงการต่อสู้พิเศษ และ ลงแรงค์
โหมด Gyro Battle และ Calorie Contest ที่ทำมาเฉพาะของ Switch 2 ก็อยู่ในนี้ด้วย !!
อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือ
ถึงเกมนี้จะเป็นเกมต่อสู้สายหลัก แต่มือใหม่ก็มีโอกาสเอาชนะมือเก่าได้
เพราะในเกมได้ใส่ระบบกดท่าคอมโบมาให้ 3 แบบ
คือแบบ Classic ที่ผู้เล่นหน้าเก่า สามารถออกท่าทางต่างๆได้โดยการควงจอย หรือกดสูตรต่างๆ
และแบบ Modern ที่กดท่าง่ายขึ้นมาหน่อย กดปุ่มเดียวรู้เรื่อง
และถ้ายังไม่รู้ว่าจะกดท่าอะไรดีอีก ก็มีแบบสุดท้ายง่ายสุด คือแบบ Dynamic ที่ทำมาให้คนเล่นไม่เป็น คือกดปุ่มมันมั่วๆได้เลย เดี๋ยวตัวละครในเกมของเรา จะคิดแทนให้ว่าต้องออกท่าไหน ใกล้ก็เข้าจับทุ่ม ไกลก็ปล่อยพลังอะไรงี้
สรุป
Street Fighter 6 (Switch 2) เป็นอีก 1 เกม ที่เกมเมอร์สายต่อสู้ บน Nintendo Switch คู่ควร และควรค่าแก่การเล่น
ชาว Switch ที่อยากเข้าร่วมถนนนักสู้
ทั้งคนที่เคยซักกับคนอื่นมาก่อนแล้ว หรือคนที่ไม่เคยจับเกมนี้มาก่อน แต่อยากลองซัดกับคนอื่นดูบ้าง
สามารถลุยเกมนี้ได้เลย เพราะเป็นทั้งจุดเริ่มต้น และ เส้นทางยาวไกลให้เราได้เดินต่อด้วย !!!
ให้คะแนน 4.5 /5 คะแนน !
